ส่วนคนอื่นๆที่เหลือต่างเงียบสงัดดั่งจักจั่นกลางฤดูหนาว มองข้างเรื่องที่เย่หยวนฆ่าสุริยันดาราไปได้เลย เพียงสามรุมหนึ่งและเย่หยวนก็สามารถเอาชนะได้ แค่เพียงเท่านี้ก็เป็นการตบหน้าไคซินต่อหน้าฝูงชนพอแล้ว จากภาพฉากปัจจุบันที่ปรากฏต่างก็ทำให้ฝูงชนหวาดกลัวจนกระวนกระวายใจยิ่งแล้ว
“รับไป เจ้าสมควรได้รับมัน!”
วาจาไม่กี่คำที่ไคซินรีดเร้นออกมาจากช่องฟัน กรนเสียงขรึมเข้มออกมา
เย่หยวนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและรับสมบัติทั้งแปดไว้ในครอบครอง
“หากคราวหน้ามีเรื่องดีๆเช่นนี้มาแบ่งปันกันอีก หวังว่าท่านไคซินจะไม่ลืมบรรพกาลราตรีคนนี้”
เย่หยวนคลี่ยิ้มกว้างเอ่ยกล่าวอย่างร่าเริงแจ่มใส
ดวงตาของไคซินหรี่แคบลงเล็กน้อย แสงสีเย็นสว่างวาบผ่านนัยน์ตา พลางกัดฟันด้วยความเกลียดชัง กล่าวว่า
“ผ่อนคลายเถิด ข้าไม่ลืมเจ้าแน่นอน!”
หลี่จีเห็นว่าบรรยากาศเริ่มมืดทมิฬลงเรื่อยๆ นางจึงลุกพรวดขึ้นและกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันแสนอึดอัดใจไม่น้อย
“ขอบพระคุณมากสำหรับน้ำใจครั้งนี้ท่านไคซิน เช่นนั้นพวกเราขอลา”
จากนั้นพวกเขาก็ลาจากไปพร้อมกับบรรยากาศแปลกๆ
แต่เย่หยวนหาได้สนใจไม่ พร้อมเก็บรวบของรางวัลไว้เต็มมือ
สมบัติทั้งแปดนี้ช่างแต่เป็นของดีทั้งสิ้น
หลังจากที่ทุกคนจากไป เหลียนฮวาพลันยิ้มให้ไคซินและกล่าวว่า
“ภายในเมืองหลวงคาโปนแห่งนี้ นานมากแล้วที่ไม่มีใครเคยทำให้ท่านเสียหน้าครั้งใหญ่ ฮิฮิ…บรรพกาลราตรีคนนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ”
ไคซินเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า
“โทษสำหรับที่ยั่วโมโหข้า มันต้องตายเท่านั้น! เร่งไปยังโถงโลหิตปรโลกและสั่งการลงไป ถ่ายทอดภารกิจพร้อมรางวัลสามสิบล้านผลึกปราณปีศาจระดับต่ำ ข้าต้องการศีรษะของมัน!”
เหลียนฮวายิ้มและกล่าวว่า
“เจ้าคิดจะฆ่าเขาจริงๆ สังหารเพียงแม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลางทั่วไปใช้เพียงสามล้านก้อนเท่านั้น แต่นี่เพิ่มราคากว่าสิบเท่า แพงเสียยิ่งกว่าราคาของแม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุดมหาศาลนัก!”
“หึ! แล้วเจ้านั่นมันใช่แม่ทัพปีศาจสองดาวชั้นกลางธรรมดาทั่วไปหรือไม่?”
ไคซินกล่าวเสียงเย็นเอ่ยตอบ
…
เมื่อกลับไปถึงตระกูลฟาง เย่หยวนก็ปลีกวิเวกแยกออกมาเก็บตัวอย่างเงียบงันอีกครั้ง และเริ่มใช้ผงวิญญาณทมิฬเลิศทันที
กายทองคำเก้าอรหันต์ของเย่หยวนติดอยู่ที่ระดับแรกมานานแล้ว และก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้เสียที
เพื่อที่จะพัฒนาไปอีกระดับจำเป็นต้องมีทรัพยากรที่มากขึ้นเพื่อเลี้ยงบำรุง โอสถธรรมดาทั่วไปแทบไม่มีผลเลย
กว่าที่กายทองคำเก้าอรหันต์จะเลื่อนระดับชั้นได้แต่ละครั้งนับว่ายากเย็นแสนเข็ญเป็นอย่างยิ่ง
การจะวิวัฒนาการจากระดับหนึ่งสู่ระดับสอง มันยากเย็นเสียยิ่งกว่าการเลื่อนระดับชั้นจากอาณาจักรปฐมพระเจ้าสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าหลายเท่านัก
คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรองรับการบริโภคทรัพยากรครั้งละมหาศาลขนาดนั้นได้เลย
หากมิใช่เพราะเย่หยวนพึ่งพาโอสถในครั้งนั้น แม้แต่จะวิวัฒนาการสู่ขั้นสุดก็แทบเป็นไปได้ยากมากเช่นกัน
ผงวิญญาณทมิฬเลิศนี้เป็นโอสถวิเศษที่ใช้สำหรับขัดเกลาร่างกายโดยเฉพาะ ภายในนั้นประกอบไปด้วยสมุนไพรที่มีฤทธิ์ขัดเกลาร่างกายที่หายากยิ่งมากมาย นับเป็นสมบัติล้ำค่าชนิดหนึ่งได้เลย
เพื่อต้องการฆ่าเย่หยวน ไคซินนับว่าต้องกรีดเลือดลงทุนมิใช่น้อย
แต่อีกฝ่ายกลับไม่คิดไม่ฝันว่า เย่หยวนจะสามารถเอาชนะและฝ่าฟันความยากลำบากทั้งหมดมาได้ และสุดท้ายนี้ผู้ได้ครอบครองสมบัติเหล่านั้นก็เป็นเย่หยวนเสียเอง
เย่หยวนใช้ผงวิญญาณทมิฬเลิศทาลงบนร่างกายให้เสมอกัน และเริ่มโคจรพลังเพื่อดูดซับฤทธิ์สมุนไพร
ในไม่ช้า เย่หยวนพยักรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นบนร่างในทันใด
เมื่อเวลาผ่านไป ระหว่างขั้นตอนวิวัฒนาการกายเนื้อของเย่หยวนเป็นไปอย่างเชื่องช้าและทรมานอย่างยิ่งยวด
พลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว เย่หยวนอาจตกสู่วงเวียนแห่งความทรมานชั่วนิรันดร์
หากย้อนกลับไป เย่หยวนที่กลืนโอสถจอมมังกรจ้าวพยัคฆ์ลงไป ความรู้สึกทรมานเจียนตายยังคงใหม่สดอยู่ตลอดเวลาจดจำสลักใจ
ความเจ็บปวดที่โฉบแล่นอยู่ในขณะนี้ก็มิได้ต่างกันเลย
ครึ่งเดือนต่อมา หลังจากที่เย่หยวนอดทนอดกลั้นต่อความทรมานมาได้ คลื่นกำลังใจแห่งความปีติดีใจพลันถาโถมเข้ามาใส่ ในที่สุดเขาก็วิวัฒนาการสู่กายทองคำเก้าอรหันต์ระดับสองได้!
ร่างของเย่หยวนปรากฏแผ่นขี้ไคล ก้อนตะกอนสีดำหลุดลุ่ยราวกับกำลังลอกคราบ สกัดนำสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกาย คล้อยหลังเสร็จสิ้นเป็นอันจบการวิวัฒนาการสู่ระดับสองโดยสมบูรณ์
ในเวลานี้ ร่างกายของเย่หยวนเปล่งสีทองอร่ามออกมา ยามเปรียบเทียบกับการวิวัฒนาการครั้งแรก รัศมีกลิ่นอายในตอนนี้สว่างเจิดจรัสกว่ามาก
“ในที่สุดก็เลื่อนระดับชั้น! นับตั้งแต่ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรพระเจ้าการบ่มเพาะกายเนื้อก็มีแต่จะช้าลง สุดท้ายก็ยกระดับขึ้นเสียที!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...