ไคซินพาเหลียนฮวาเข้ามาในโถงโอสถปีศาจ แต่ทันทีทันใดพวกเขากลับถูกหยุดโดยนนักปรุงโอสถปีศาจระดับหนึ่ง
แม้ว่าสถานะของไคซินจะสูงมากภายในเมืองหลวงแห่งนี้ แต่ภายในโถงโอสถปีศาจแห่งนี้เอง เขาก็ไม่กล้ารั้นเอาแต่ใจเช่นกัน
“อ่า พี่หลู่เหอ ข้านัดหมายกับท่านเมิ่งฉีเมื่อสิบวันก่อน และมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับเขา”
ไคซินประสานมือให้พลางเอ่ยกล่าว
แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงนักปรุงโอสถปีศาจระดับหนึ่ง แต่เขาก็เป็นหนึ่งศิษย์ของท่านเมิ่งฉี เช่นนั้นแล้ว คนสถานะศักดิ์ทั่วไปมิอาจก้าวก่ายได้
หลู่เหอกล่าวว่า
“ต้องขออภัยท่านไคซินจริงๆ ตอนนี้ท่านอาจารย์กำลังพบกับอาคันตุกะคนสำคัญในโถงชั้นใจ และเขาได้สั่งไว้ว่าห้ามผู้ใดเข้าไปรบกวนเด็ดขาด!”
ไคซินขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า
“แม้แต่ข้าเองก็ไม่มีข้องดเว้นงั้นรึ? ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของตำหนักเจ้าเมือง หาใช่เรื่องไม่สำคัญเช่นกัน! นอกจากนี้ข้านัดหมายกับเขาไว้แล้วเมื่อสิบวันก่อน”
“เอ่อ…”
สีหน้าของหลู่เหอยามนี้ดูลำบากใจจริงๆ สถานะของไคซินเองก็หาใช่ชนชั้นกินเจไม่
ยิ่งไปกว่านั้นไคซินที่มาในคราวนี้หาได้มาในฐานะตัวเขาเอง แต่เป็นในฐานะตำหนักเจ้าเมือง
แม้ว่าโถงโลหิตปรโลกจะหาได้เกรงกลัวตำหนักเจ้าเมือง แต่หาใช่ว่าจะไว้หน้ากัน
“เหตุใด…ไม่เป็นการดีกว่ารึ หากพี่หลู่เหอจะส่งทอดต่อคำพูดของข้าไปให้ท่านเมิ่งฉี บางทีเขาอาจจะเข้าใจและไม่ไล่ข้าไปเช่นนี้”
ไคซินประสานมือกล่าวตอบ
หลู่เหอครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้ากล่าวตอบว่า
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะลองไปถามท่านอาจารย์ดู”
ขณะที่หลู่เหอเหลียวหลังจากไป เหลียนฉวายิ้มกล่าวขึ้นว่า
“สงสัยเหลือเกินว่าท่านเมิ่งฉีพบเจอผู้ใดเข้า ไฉนถึงละเลยเรื่องของเราไปสนิท”
ไคซินยิ้มตอบว่า
“การที่ปฏิเสธเรื่องของเราตั้งแต่นอกประตูได้ เกรงว่าอาคันตุกะคนสำคัญนั้นอาจเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสาม”
เหลียนฮวาพยักหน้าอย่างค่อนข้างเห็นด้วยกับเรื่องนี้
และบังเอิญนัก ฟางอวี้เองก็ตรงเข้ามาในโถงโอสถปีศาจเช่นกันในเวลานี้
พอเห็นไคซินและเหลียนฉวา ฟางอวี้พลันใจสั่นระรัวแอบสังหรณ์ไม่ดีขึ้นทันใด
โถงโอสถปีศาจกำลังจะเปิดตัวโอสถชนิดใหม่ขึ้นเร็วๆนี้ และพวกเขาล้วนต้องการโอสถชนิดนี้ในปริมาณที่สูงมาก ดังนั้นเหล่ากลุ่มอำนาจต่างๆจึงไม่คิดรีรอชักช้า
ในบรรดากลุ่มอิทธิพลที่จ้องฉกชิงไปก่อนและยังเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดคือ ตำหนักเจ้าเมือง
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเมิ่งฉีและคนอื่นๆจะไม่ต่างจากกองขยะเลยในสายตาเย่หยวน แต่โอสถที่ผลิตขึ้นนี้ล้วนได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองหลวงคาโปน
ภายในเผ่าปีศาจมีนักปรุงโอสถปีศาจเก่งๆอยู่จำนวนน้อยนิด
ตำหนักเจ้าเมืองได้รับข่าวเรื่องโอสถชนิดใหม่มานานแล้ว ดังนั้นไคซินจึงนัดหมายกับเมิ่งฉีตั้งแต่สิบวันก่อนเพื่อพบพานในวันนี้
ไคซินยิ้มกว้างประดับใบหน้าทันที ขณะกล่าวว่า
“หุหุ น้องฟางอวี้ เกรงว่าเจ้ามาช้าไปเสียหน่อย ท่านเมิ่งฉีไม่พบแขกอื่นแล้วในวันนี้”
สีหน้าการแสดงออกของฟางอวี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง พร้อมเอ่ยเสียงเยียบเย็นว่า
“ตำหนักเจ้าเมืองของท่านได้กินเนื้อสด ไยไม่ทิ้งน้ำแกงให้คนอื่นดื่มกิน? คราวนี้ตระกูลฟางขอสู้กับท่านอย่างจริงจัง!”
ไคซินระเบิดหัวเราะและกล่าวว่า
“เหอะ ข้ากำลังจะเข้าไปจัดการธุระเรื่องนี้กับท่านเมิ่งฉี แล้วเจ้ายังมีอะไรมาต่อกร? ฮ่าๆ หากต้องการสู้นัก คราวนี้ก็ควรมาให้ไวกว่านี้”
กล้ามเนื้อเส้นประสาทบนใบหน้าของฟางอวี้กระตุกเกร็งไปหมด ยามนี้เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความพ่ายแพ้
รากฐานของสี่ตระกูลใหญ่ยังคงตื้นเขินกว่ามาก เมื่อเทียบกับฝ่ายตำหนักเจ้าเมือง!
มีทั้งเงินและอำนาจ ทุกครั้งที่มีโอสถชนิดใหม่ออกมา พวกเขาล้วนเสนอราคาที่สูงกว่าปกติถึงสามส่วน แล้วนี่จะไปแข่งขันด้วยได้อย่างไร?
ในขณะนั้นเอง หลู่เหอก็เดินออกมาจากโถงภายในด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างน่าเกลียดนัก
เมื่อไคซินที่กำลังยืนรออยู่ ภายในใจหลู่เหอพลันสั่นระรัวโดยมิตั้งใจ
“พี่หลู่เหอ ท่านเมิ่งฉีกล่าวอย่างไรบ้าง?”
ไคซินเอ่ยถามขึ้นทันที
หลู่เหอกล่าวตัดพ้อว่า
“ท่านไคซินโปรดกลับมาใหม่! ข้าต้องขออนุญาตให้ท่านกลับไปก่อนในวันนี้ แต่ท่านก็ยังดึงดัน! จนเมื่อครู่ข้าถูกท่านอาจารย์ดุด่าไปยกใหญ่ เท่านี้ท่านพอใจหรือยัง?”
เห็นได้ชัดว่า หลู่เหอเองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน
ดูท่าจะโดนดุด่ามาไม่เบา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...