สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1490 – จอมเทพโอสถ โดย Internet
บท ตอนที่ 1490 ของ จอมเทพโอสถ ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ไคซินพยายามข่มอารมณ์สงบสติเต็มที่ เพื่อทำให้น้ำเสียงของเขาดูสงบที่สุด ทั้งนี้เอง เขากำลังปกปิดความโกรธเกรี้ยวภายในใจ
สองมาตรฐานเช่นนี้ ชัดเจนเกินไปหรือไม่?
ทั้งๆที่เขายังไม่จากไปเสียด้วยซ้ำ!
หลู่เห่อขมวดคิ้วถักแน่นและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า
“หื้ม? ความหมายที่ท่านกล่าวคือ ข้ากำลังโกหกท่าน? ไฉนไม่เอาอย่างนี้ หลังจากที่ท่านอาจารย์ออกมาแล้ว ท่านไม่เผชิญหน้ากับเขาตัวต่อตัวเลยล่ะ?”
แม้ว่าไคซินจะพยายามควบคุมน้ำเสียงของเขา แต่ความสงสัยในคำกล่าวยังมิสามารถปกปิดได้อยู่ดี
ความโกรธเกรี้ยวของหลู่เหอพุ่งปะทุขึ้นแสนหงุดหงิด
เขายอมช่วยอีกฝ่ายเพื่อตรงเข้าไปรายงาน โดยไม่คิดรับผลประโยชน์ใดๆ แต่สุดท้ายยังถูกท่านอาจารย์ไล่ตะเพิดกลับมา
เมิ่งฉีมิใช่ศิษย์เพียงคนเดียวของเขา เพียงความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ก็อาจจะทำให้เขาถูกไล่ออกจากการเป็นศิษย์สาวกจริงๆ
ลืมไปได้เลยสำหรับไคซินที่ไม่ทันจะได้ขอบคุณ แต่กลับมาไม่พอใจเขาแทนเสีย
แม้กระทั่งพระโพธิสัตว์เองยังต้องโกรธเกรี้ยว ท้ายที่สุดนี้ หลู่เหอเองก็หมดความอดทนที่จะไว้ไมตรีกับไคซินแล้วเช่นกัน
ไคซินดูท่าทางอึดอัดไม่น้อย
“ท่านพี่หลู่เหอ เข้าใจผิดแล้ว ข้า…”
หลู่เหอเอ่ยแทรกตัดท้อคำกล่าวทันทีด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
“ข้ามิได้เข้าใจผิดอะไรทั้งสิ้น! ก่อนหน้านี้หากรับเรื่องไว้เหมือนเดิมคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิจารณาตัวท่านเองเถิดว่ากำลังคิดหรือกล่าวอันใดอยู่ หาใช่จะปฏิบัติกลับข้าราวกับเพื่อนคนหนึ่ง ท่านไคซินโปรดกลับไป!”
สีหน้าการแสดงออกของไคซินเปลี่ยนไปอย่างมาก ยามนี้ทราบแล้วว่าตนกำลังทำให้ไคซินขุ่นเคืองถึงแก่นในแล้ว
เขาได้แต่ยืนอยู่เช่นนี้ ไม่ทั้งออกไปหรืออยู่ต่อได้
หลู่เหอที่เห็นดังนั้นก็เอ่ยซ้ำว่า
“เพราะเหตุใด? เหตุใดท่านไคซินยังไม่ออกไป? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ท่านต้องการให้ข้าส่งออกไปทั้งแบบนี้?”
ในที่สุดไคซินก็ลาจากไปด้วยความหดหู่ แต่ภายในใจกลับคับแค้นฝังลึกโดยหาได้มีใครเข้าใจไม่
ด้วยสถานะศักดิ์และตำแหน่งในปัจจุบัน เขาไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนในเมืองหลวงคาโปน
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาเองน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลฟางกับโถงโอสถปีศาจจะดีไปกว่าฝ่ายเรา เหตุการณ์วันนี้ต้องมีเรื่องผิดปกติไปจากเดิม ข้าจำต้องตรวจสอบให้ละเอียด”
…
ฟางอวี้เดินตามหลู่เหอเข้าไปยังโถงอีกห้องหนึ่งด้วยความงุนงง ภายในหัวว่างเปล่าไปหมด เมื่อผลักประตูเข้ามา เขาก็พบเห็นร่างหนึ่งอันคุ้นเคย
“หลี่จี? ไฉรเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้?!”
ฟางอวี้อุทานลั่นด้วยความตกใจ
“เอ๊ะ? ท่านเองก็มาด้วยรึ? ข้า…ข้ากับบรรพกาลราตรีมาเดินเล่นรอบเมือง ก่อนที่เขาจะบอกว่า ต้องการมายังโถงโอสถปีศาจ ข้าจึงตามเข้ามาถึงภายในนี้”
หลี่จีเอ่ยอธิบายขึ้น ใบหน้าของนางเห่อแดงระเรื่อเล็กน้อย
“มาพร้อมกับบรรพกาลราตรี? แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
ฟางอวี้กล่าวขึ้นพร้อมสีหน้าที่มืดทมิฬ
เจ้าหนุ่มคนนี้เดินทางมากับน้องสาวของเขา แต่ไฉนถึงปล่อยให้นางนั่งแห้งอยู่ตัวคนเดียว?
ทว่าแววตาของหลี่จีทอประกายแสนยิ้มเยาะ นางเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“ตอนนี้เขากำลังคุยกับท่านปู่เมิ่งฉีอยู่! การสนทนานี้กินเวลาไปกว่าสามวันสามคืนแล้ว!”
“อะไรนะ?!”
ฟางอวี้แทบสะดุ้งโหย่งขึ้นทันทีด้วยความตื่นตกใจจัด
เขาเหลียวหน้าหันมองหลู่เหอทันทีพร้อมเบิกตาโตกล่าวว่า
“ท่านพี่หลู่เหอ หรืออาคันตุกะสำคัญที่ท่านกล่าวถึงคือบรรพกาลราตรี?”
หลู่เหอเปล่งเสียงเอ่ยตอบว่า
“จะเป็นใครได้อีกหรอกมิใช่เขา? เฮ้อ…ตระกูลฟางแท้จริงแล้วงำประกายลึกล้ำยิ่งนัก มีสุดยอดอริยะบุคคลเฉกเช่นเขา แต่ตระกูลฟางยังคงสงบเสงี่ยมเจียมตัว!”
ฟางหยูเอ่ยกล่าวพร้อมท่าทีสับสนว่า
“อ-อริยะบุคคล?”
เพียงแค่นี้พวกเขาก็ตระหนักทราบแล้วว่า เหตุใดเย่หยวนถึงบอกว่าพวกเขาอ่อนแอ
พวกเขาไม่สามารถมุ่งจิตสมาธิจดจ่ออยู่กับการหลอมกลั่นได้ตลอด ทั้งๆที่เป็นเพียงขั้นพื้นฐาน แล้วนี่จะนับประสาอะไรกับการหลอมกลั่นระดับสูง
เย่หยวนทราบดีว่านิสัยดั้งเดิมที่ติดตัวเผ่าปีศาจมามักจะอารมณ์ร้อน โดยส่วนใหญ่ปราศจากชั้นเชิง การจะมุ่งเน้นกลับเรื่องละเอียดอ่อนอย่างการหลอมโอสถ นับเป็นเรื่องยากขึ้นมิใช่น้อย
เย่หยวนมอบสมาธิและจิตวิญญาณแห่งนักหลอมโอสถให้แก่พวกเขาเพิ่มขึ้นมาไม่รู้จบ เหล่าสหายชราเหล่านี้เองก็นั่งฟังหูตาไม่กะพริบ เพราะพวกเขารู้ดีว่า พวกตนกำลังได้รับถ่ายทอดความรู้อันไม่รู้จบอยู่
ตอนนี้เมิ่งฉีได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มานานมาก และจู่ๆ จะใบหน้าบอก ไคซินเรียกพบตัวเขา เช่นนี้จะมิให้เมิ่งฉีโกรธพิโรธขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเทียบกับความแกร่งกล้าในศาสตร์แห่งโอสถของเย่หยวน ไคซินยังนับเป็นตัวอันใด?!
ทันทีทันใด เย่หยวนดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาจึงอุทานเอ่ยออกมาว่า
“โอ้ใช่แล้ว ก็พูดคุยเรื่องไร้สาระไปเสียนานสามวันสามคืน จนลืมเหตุหมายที่มาไปสนิม”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าต่างพูดไม่ออก ทั้งหมดที่กล่าวไปล้วนเป็นเรื่องของเต๋า แล้วนี่จะเป็นเรื่องไร้สาระได้อย่างไร?
เว้นเสียแต่ว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เย่หยวนเอ่ยอธิบายออกไปกลับมิได้ลึกซึ้งขนาดนั้น
มันคล้ายกับทักษะพื้นฐานเสียมากกว่า เพื่อแก้ปัญหาของทั้งห้าที่ไม่สามารถมุ่งมาธิอยู่ในจุดๆหนึ่งได้
แน่นอน แม้ว่าเย่หยวนจะเชิดศีรษะสูงโดยการหลอมกลั่นโอสถให้ผู้อาวุโสทั้งห้าดู แต่เขาก็ไม่สามารถดูถูกพวกเขาเองได้เช่นกัน
“ข้าสงสัยเสียเล็กน้อยว่า เหตุหมายสำคัญที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงหมายความอย่างไร? เมิ่งฉีจะส่งคนออกไปจัดการแทนทันที! ข้าขอให้ท่านอาจารย์บรรพชนราตรี โปรดสั่งสอนพวกเราอีกสักสองสามวันได้หรือไม่?”
ตอนนี้เมิ่งฉีเลื่อมใสศรัทธาในตัวเย่หยวนอย่างหาที่เปรียบไม่ มาตรฐานหลอมกลั่นโอสถของเย่หยวน หาใช่สิ่งที่เขาจะจินตนาการได้เลย!
เขารู้สึกว่า นักปรุงโอสถปีศาจระดับสามจำนวนน้อยนิดภายในเมืองก็มิอาจเทียบเทียมกับเศษเสี้ยวของท่านอาจารย์บรรพกาลราตรีได้เลย!
แม้ว่าพวกเขาจะสามารถหลอมกลั่นโอสถระดับสามได้ก็ตาม
แต่เย่หยวนกล่าวว่า
“อภิปายเรื่องเต๋า ขอให้จบลงแต่เพียงเท่านี้ก่อน ข้ามาที่โถงโอสถปีศาจแห่งนี้ก็เพื่อ ซื้อสมุนไพรวิญญาณสองสามชนิด นอกจากนี้ยังต้องมีเรื่องคาใจต้องถามตอบในหอร้อยปัญญา พวกเจ้าไม่สามารถทำแทนในนามของข้าได้”
เมิ่งฉีเร่งกล่าวขึ้นว่า
“กล่าวเช่นนี้ หาใช่ว่าท่านอาจารย์บรรพกาลราตรีกำลังตบหน้าเราคนนี้? สมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นมีอะไรบ้าง? ตราบใดที่โถงโอสถปีศาจของเรามี ไม่ว่าสิ่งใดโปรดอย่าลังเลที่จะรับมันไป! หากสิ่งนั้นไม่มีในโถงโอสถปีศาจ เช่นนั้นพวกเราจะเร่งหาให้ในเวลาอันสั้น! ส่วนโถงร้อนปัญญา พวกเราเองก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไป ท่านเอาป้ายตราโถงโลหิตปรโลกของข้าไป แล้วพวกนั้นย่อมไม่สร้างปัญหาให้ท่านแน่นอน!”
……………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
2970 อิหลินเสวียอิห่าราก ฟื้นขึ้นมาก็ทิ้งกันเลย😂...
พวกเมีย เพื่อนฝูง น้องๆ แม่งเป็นได้แต่ตัวถ่วง ตัวภาระ😂...
ตอนแรกๆอ่านยังไง...
DDD...