อวี้หานเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุดขมขื่นประดับใบหน้า
เย่หยวนไม่อยากร่วมวงสนทนาด้วยนานนัก จึงกล่าวไปว่า
“ท่านประมุขโถงเดินทางมาเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ ควรจะมีเรื่องมากกว่านี้กระมัง? หนี้บุญคุณยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่งไม่คิดหยิบใช้คงน่าเสียดายแย่?”
อวี้หานหัวเราะครืนเสมือนได้กลิ่นกล้วยไม้ออกจากจมูก ขณะกล่าวว่า
“เจ้าเล่ห์และแยบยลนัก ข้าไม่สามารถซ่อนอะไรจากเจ้าได้เลย!”
เย่หยวนหาได้เอ่ยกล่าวอันใดคล้อยตามอีกฝ่าย เขาปิดปากเงียบรอให้อวี้หานเอ่ยกล่าวต่อเอง
“โถงโลหิตปรโลกของเราค้นพบซากโบราณสถาน แต่ช่างเลวร้ายยิ่งนัก เพราะมีเพียงผู้ที่อยู่ภายใต้ระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจลงไปเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม่ทัพปีศาจอายุห้ามเกินหนึ่งพันปี ขณะที่จอมทัพปีศาจอายุห้ามเกินสามพันปี! ในเวลานี้บรรดาเหล่าเยาวชนระดับหัวกะทิมากมายของเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะมารวมตัวพร้อมกันที่นั่นแล้ว ส่วนเมืองหลวงคาโปนของเรามีเพียงคนเดียวที่สามารถเข้าไปได้ และคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเจ้า!”
อวี้หานกล่าว
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“นั้นคือเหตุผลที่ท่านแนะนำข้ากับไคซินให้จัดกานประลองเป็นตายขึ้นอย่างลับๆ? เพื่อต้องการดูว่าใครกันที่มีคุณสมบัติเข้าไปยังซากโบราณสถาน?”
อวี้หานยิ้มกล่าวว่า
“นี่คือผืนพิภพของผู้แข็งแกร่ง คนอ่อนแอ…มีแต่ต้องถูกกำจัดเท่านั้น!”
เมื่อกล่าวเช่นนี้ ในที่สุดเย่หยวนก็รู้สึกได้ว่า บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้ปกครองที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ต่อหน้านาง บุคคลใดไม่มีค่าพอที่จะหาประโยชน์ได้อาจถูกนางโยนทิ้งได้ทุกเมื่อ
ซึ่งเขาเองก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในมือนางเท่านั้น
เย่หยวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแสว่า
“เริ่มสำรวจเมื่อใด?”
อวี้หานกล่าวตอบว่า
“หนึ่งปีต่อจากนี้ ข้าจะมาหาเจ้าเอง เจ้ายังเหลือเวลาในการขัดเกลาฝึกปรือ ระหว่างนี้เว้นเรื่องศาสตร์แห่งโอสถไปก่อน แล้วใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง”
เย่หยวนพยักหน้าตอบเชิงว่าเข้าใจ
เขาในตอนนี้เริ่มคิดไตร่ตรองทันทีอย่างอดมิได้
การเดินทางมายังดินแดนของเผ่าปีศาจในครั้งนี้ เป้าหมายเดิมของเขาสำเร็จลุล่วงไปแล้ว เดิมทีเขาเองก็มิได้คิดจะวางแผนอยู่ต่อแล้วเช่นกัน
เพียงว่าตัวเย่หยวนเองกลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ตนจะโดดเด่นจะไปเข้าตาประมุขโถงโลหิตปรโลกเช่นนี้เข้า
ตั้งแต่อวี้หานตัดสินใจเลือกเขาและเริ่มเคลื่อนไหว ทุกการกระทำของเขาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของนางโดยสมบูรณ์
สำหรับสัญญาโลหิตอะไรนั่น เย่หยวนแทบมิได้ใส่ใจอะไรเลย
สิ่งนั้นเป็นสัญญาที่ค่อนข้างรัดกุมและแยบยลยิ่ง สำหรับคนอื่นมันถือพันธะผูกมัดที่ไม่มีวันสลัดได้หลุด
แต่สำหรับเย่หยวน สิ่งนี้กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เย่หยวนมีพลังแห่งหุบเขาถงเทียนจำลองอยู่ในตัว การจะทำลายสัญญาเลือดที่ผูกมัดกับตัวทิ้งไปกลับหาใช่ปัญหาที่ยากเกินจะแก้ไขเลย
เย่หยวนจะยอมหชะตาชีวิตของตัวเองตกอยู่ในมือคนอื่นง่ายๆได้อย่างไร?
เหตุผลที่ทำให้เขาดูปั้นสีหน้าลำบากใจในตอนนั้นก็เพื่อ แสดงให้อวี้หานเห็นว่าเขารู้สึกวิตกกังวลกับสัญญาเลือดนั้นจริงๆ
เมื่อมองดูแล้ว ดูเหมือนว่าจะได้ผลดี
การเดินทางไปยังซากโบราณสถานครั้งนี้เองก็มีความจำเป็นอย่างมาก
…
หลายวันมานี้เองทำให้คงเซรยวหดหู่ใจอย่างมาก
หลังจากที่เขารู้ว่าหวู่ห่าวและฤทัยเหล็กส่งคนมาที่โถงโอสถโลหิตสาขาเมืองหลวงคาโปนก่อนที่จะเดินทางมา พวกเขาก็ค้นพบตั้งแต่แรกแล้วว่า ระดับชั้นความสามารถของโถงโอสถปีศาจสาขานี้แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
หวู่ห่าวกับฤทัยเหล็กเฉลียวฉลาดเพียงใด? พวกเขาที่รับทราบดังนั้น มีหรือจะยังไม่รู้ถึงความสามารถของบรรพกาลราตรีได้อย่างไร?
เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่ทั้งสองอยู่ภายในโถงโอสถปีศาจทุกวันและยังมิได้ออกมาเลบ
พวกเขาทั้งสองรู้เรื่องทุกอย่างมานานแล้ว แต่ทั้งคู่กลับกล้าหลอกเขาจริงๆ!
ในตอนแรกคงเซียวคิดเพียงแค่ ไม่ว่าปรมาจารย์คนนั้นจะแกร่งกล้ายอดเยี่ยมเพียงใด แต่เขาจะมีหน้ามาสั่งสอนประมุขโถงอย่างพวกเขาหรือไม่?
เรื่องที่ประมุขโถงใหญ่ทั้งสองตัดสินใจไป หาได้ขึ้นอยู่กับว่าบรรพกาลราตรีจะปฏิเสธหรือไม่
ใครจะไปรู้ว่า เมื่อคงเซียวเดินทางไปขอเข้าร่วมด้วยกันประมุขโถงใหญ่ นางกลับกล่าวตามตรงว่า ตัวนางเองก็ไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรีเช่นกัน
เนื่องจากเขาไม่พอใจและเลือกที่จะไม่เชื่อมต่อบรรพการาตรีตั้งแต่แรก เช่นนั้นจึงขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาแล้ว
ด้วยเหตุนี้คงเซียวจึงรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...