“ท่านดาราสวรรค์ ข้าไม่คิดฝันมาก่อนเลยว่า ท่านจะใช้คำสาปวิญญาณเลือดจริงๆ!”
อวี้หานกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ
คำสาปวิญญาณเลือดนี้ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นระดับชั้นจ้าวทัพปีศาจเอง แต่ก็มิอาจทานทนจนจำต้องยอมจำนนต่อความตายเช่นกัน
การใช้สิ่งนี้เพื่อจัดการเย่หยวน มันไม่ต่างอะไรกับใช้มีดฆ่าโคสังหารไก่เลย
ยิ่งไปกว่านั้นวัตถุดิบที่ใช้เตรียมการคำสาปวิญญาณเลือด แต่เดิมต้องใช้ทั้งทรัพยากรคนและวัตถุดิบยุ่งยากซับซ้อนมากมายนัก กว่าจะสร้างได้สำเร็จ
เพียงแค่ชาโลหิตพระเจ้าหนึ่งกาก็หาประเมินค่าไม่แล้ว
แม้แต่โถงโลหิตปรโลกยังแทบไม่เคยใช้งานเจ้าสิ่งนี้เช่นกัน
คำสาปวิญญาณเลือด โดยส่วนใหญ่มักใช้กับบุคคลที่จัดการได้ด้วยยากหรือเป็นปัญหาจริงๆเท่านั้น
ดดาราสวรรค์คลี่ยิ้มบางกล่าวว่า
“การใช้คำสาปวิญญาณเลือดกับบุคคลสำคัญที่อาจกลายมาเป็นบรรพชนโอสถคนที่สองอย่างเขา นี่นับว่าคุ้มค่าแน่นอน!”
อวี้หานยามนี้ยังค่อนข้างกังวลใจขณะเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าหนุ่มคมนี้ยอมหักดีกว่ายอมงอ คำสาปวิญญาณเลือดนี้จะใช้ได้ผลจริงรึ?”
ดาราสวรรค์ระเบิดหัวเราะดังลั่นกล่าวว่า
“จะได้ผลจริงหรือไม่งั้นรึ? อย่าถามเช่นนี้เลยเสีย! ครั้นหนึ่งเคยราชาปีศาจครึ่งขั้นถูกคำสาปวิญญาณเลือดไป แม้แต่ตัวตนระดับชั้นนั้นยังต้องนอนหมอบดั่งสุนัขต่อหน้าท่านประมุขโถงใหญ่! เด็กหนุ่มคนนี้เป็นแค่แม่ทัพปีศาจ เจ้าคิดว่ามันจะได้ผลหรือไม่?”
ดวงตาของอวี้หานเบิกกว้างแปรเปลี่ยนดูจริงจังโดยพลัน
ราชาปีศาจครึ่งขั้นนับเป็นการดำรงอยู่แบบใด
ต่อหน้าคำสาปวิญญาณเลือดกระทั่งบุคคลระดับชั้นยังมิอาจต้านทานใดๆได้เลย!
อวี้หานทราบเพียงว่าคำสาปวิญญาณเลือดนั้นทรงพลัง แต่กลับไม่รู้เลยว่ามันจะทรงพลังได้ถึงขนาดนี้!
ตัวอย่างที่ดาราสวรรค์อธิบายออกไปก็เป็นที่ชัดเจนแล้ว
ดาราสวรรค์กล่าวต่อว่า
“แท้จริงแล้วคำสาปวิญญาณเลือดจะไม่ฆ่าผู้คนถึงชีวิต แต่ด้วยพลังคำสาปแห่งความอาฆาต มันจะสร้างความทุกข์ทรมานต่อจิตวิญญาณของคนนั้นๆไม่มีวันสิ้นสุด และสิ่งนี้หาใช่ผู้ใดจะต้านทานได้ คืนนี้ให้เจ้าเด็กนั้นได้ลองลิ้มชิมรสเสียหน่อยแล้วกัน ข้าคิดว่าอีกไม่นานคงต้องมาหาข้าเร็วๆนี้! ฮ่าๆๆๆ…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ด่าราสวรรค์ก็เริ่มระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างตื่นอกตื่นเต้น
เพื่อให้โถงโลหิตปรโลกสามารถชักนำยอดอัจฉริยะด้านโอสถที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นมาได้ แล้วดาราสวรรค์จะสุขใจได้อย่างไร?
“แต่เขาจะรู้ตัวหรือไม่ว่า ตนหลงกลพวกเราเข้าให้แล้ว?”
อวี้หานเอ่ยถาม
“แม้ว่าเด็กคนนี้จะหัวรั้นและหยิ่งผยองยิ่ง แต่เขาก็ฉลาดหัวไวมาก! ตราบใดที่รู้ถึงการมีอยู่ของคำสาปวิญญาณเลือดได้ เขาจะตระหนักได้ทันทีว่าสิ่งนี้ข้องเกี่ยวกับพวกเรา!”
ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้น
…
ตกดึกยามรัตติกาลสงัด
เย่หยวนยังคงนั่งสมาธิเข้าฌานอยู่ต่อหน้าหุบเขาถงเทียนจำลอง เพื่ออนุมานหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับสาม
ทันใดนั้นเองไข่มุกสยบวิญญาณภายในทะเลแห่งจิตใจของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาผิดประหลาด
“มันมาแล้ว! ตาแก่นั้นคงคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดนักหนา แต่กลับไม่รู้เลยว่าคำสาปนั้นกลับเป็นของกำนัลชั้นดีให้แก่เราผู้นี้!”
หวูเฉินระเบิดหัวเราะเสียงเย็นสะท้าน ไข่มุกสยบวิญญาณลอยออกมาจากทะเลแห่งจิตใจ อยู่เหนือศีรษะของเย่หยวน
ทันใดนั้นเอง ไข่มุกสยบวิญญาณพลันเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา แลดูแปลกตายิ่งนัก
แต่ภายในไข่มุกสยบวิญญาณนี้ หวูเฉินเริ่มหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง
“คำสาปวิญญาณเลือดนี่แหละคือยาชูกำลังชั้นดี! ด้วยคำสาปบ้าๆของพวกเจ้า มันกำลังจะทำให้ข้าฟื้นพลังคืนสู่ระดับสาม!”
เย่หยวนยังคงจมลึกอยู่ในญาณและตัดขาดเหตุการณ์จากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้หวู่เฉินบอกกับเขาว่า ไม่จำเป็นต้องกังวลใจอันใดไป แค่ตั้งใจบ่มเพาะพลังก็พอ
ท่ามกลางรัศมีในสีแดงเข้ม ไข่มุกสยบวิญญาณยามนี้เริ่มแกร่งกล้ามากขึ้น
ทั่วทั้งกายาของหวู่เฉินเองก็ถูกแสงสีแดงเข้มห่อหุ้มเอาไว้เช่นกัน ยามนี้ดูราวกับปีศาจกลืนกินวิญญาณ
ในขณะเดียวกันร่างของเขาก็ค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
ภายในห้องลับแห่งนี้ หยาดเหงื่อเริ่มไหลซึมออกมาบนหน้าผากของดาราสวรรค์
“ไอ้เด็กเหลือขอ! มันยังทนทานไม่ยอมจำนนจวบจนตอนนี้จริงๆ!”
การจะกระตุ้นคำสาปวิญญาณเลือดออกมา จำต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ใช้นำทางวิญญาณอาฆาตไปยังผู้ถูกคำสาป
และเมื่ออีกฝ่ายพ่ายแพ้ต่อการต้านทาน ตัวดาราสวรรค์จะสบายตัวขึ้นเป็นอย่างมากและไม่ต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลเพื่อกดดันอันใดอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...