ดาราสวรรค์เร่งปรับขนาดสายตาจับจ้องเย่หยวน พลางอดประหลาดใจใบหน้าหน้าอันหล่อเหลาของเย่หยวนมิได้
หากกล่าวตามตรง เขาไม่เหมือนปีศาจเลย
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังปราณปีศาจอันบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนในร่างกายของเย่หยวน ทำให้เขาตรวจพบความผิดปกติไม่
“ขอทำความเคารพท่านอาวุโสดาราสวรรค์!”
ท่าทางการแสดงออกของเย่หยวนหาได้ปีนเกลียวหยิ่งผยองแต่อย่างใด แต่เขาเองก็หาได้แสดงความเคราพต่ออีกฝ่ายเป็นพิเศษ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสี่ก็ตามที
เขาพิจารณาคาดการณ์เรื่องเหล่านี้ได้นานแล้ว ไม่มีทางแน่นอนที่โถงโลหิตปรโลกสาขาใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะจะเฝ้ามองยอดอัจฉริยะอย่างเขาอยู่เฉยๆเป็นแน่
ในความเป็นจริง เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าตนจะสามารถกระตุ้นให้เกิดปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าขึ้นได้เสียด้วยซ้ำ มิฉะนั้นเขาคงไม่ออกไปบรรยายต่อหน้าสาธารณชนแน่นอน
หากคำอื่นรู้เรื่องนี้เข้า ถึงแม้จะน่าประทับใจก็จริง แต่นั่นก็เป็นการดึงดูดปัญหาเข้าตัวเช่นกัน
ดาราสวรรค์เดินทางมาที่เมืองหลวงคาโปน ย่อมมีเพียงจุดประสงค์เดียวคือ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อดึงเข้าให้เข้าร่วมกับโถงโลหิตปรโลก!
นักปรุงโอสถปีศาจที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้ ความสำคัญของเขาต่อโถงโลหิตปรโลกนับว่าพิเศษเป็นอย่างมาก
เย่หยวนคาดการณ์ทุกอย่างไร้นานแล้ว และก็ทราบตระหนักดีว่า หากเขาไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายกลับหลงเหลือเพียงหนทางเดียวตรงหน้า
นั้นคือความตาย!
โถงโลหิตปรโลกไม่ยอมให้เย่หยวนเข้าร่วมกับกลุ่มอิทธิพลอื่นแน่นอน มิฉะนั้นเขาจะกลายมาเป็นศัตรูทันที
ยอดอัจฉริยะจำต้องมีความตระหนักรู้ดั่งเช่นอริยะชนเช่นกัน
ความเย่อหยิ่งเป็นคุณลักษณะโดยธรรมชาติของอัจฉริยะอยู่แล้ว
แม้ว่าเย่หยวนจะมิได้หยิ่งผยองไร้ขอบเขตขนาดนั้น แต่ต่อหน้าดาราสวรรค์ เขาจำต้องแสดงความภาคภูมิคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของอัจฉริยะเช่นกัน
เพราะอัจฉริยะที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้ หากไร้ซึ่งความหยิ่งยโสใดๆกลับดูผิดธรรมชาติเกินไป และอาจทำให้อีกฝ่ายกังขาสงสัยได้
ดังนั้นแล้วเขาจำต้องแสดงทัศนคติดั่งที่อัจฉริยะพึงมีต่อหน้าดาราสวรรค์เฉกเช่นตอนนี้
แน่นอนว่า ภายในใจของเย่หยวนเองก็หาได้เคารพเกริ่นเกรงต่อนักปรุงโอสถระดับสี่เช่นกัน
เขาที่สามารถเรียกปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้ มันแสดงให้เห็นชัดแจ้งแล้วว่า ขอบเขตความเข้าใจของเย่หยวนอยู่เหนือจินตนาการคนอื่นไปแล้ว ดั่งว่าเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นได้
“ฮ่าๆๆ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่าเกรงขามนัก! ทุกคนต่างบอกว่านักปรุงโอสถของเผ่าปีศาจนั้นมาตรฐานต่ำช้าเกินไป และไม่มีทางให้กำเนิดยอดนักปรุงโอสถที่เก่งกาจได้ ทว่าตอนนี้ ใครที่ได้เห็นเจ้าต่างต้องหุบปากให้สนิท!”
ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดหัวเราะลั่น
สำหรับเรื่องนี้เอง เย่หยวนคัดค้านภายในใจไม่หยุดหย่อน ไอ้คนที่กล่าวเช่นนั้นมันพูดถูกต้องแล้ว มาตรฐานของนักปรุงโอสถเผ่าปีศาจมันไม่มีอะไรน่าดูเลย แล้วหน้าอย่างดาราสวรรค์หรือจะมาดูแลยอดอัจฉริยะอย่างเขาได้?
ดาราสวรรค์เป็นที่รู้จักในนามนักปรุงโอสถระดับสี่ แต่เย่หยวนคิดว่ามาตรฐานของอีกฝ่ายเองก็มิได้สูงเท่าไหร่นัก
เมื่อเทียบกับจอมเทพโอสถระดับสี่ของเผ่ามนุษย์ ดาราสวรรค์ตนนี้ยังคงห่างไกลนัก
“ความกล้าแกร่งของนักปรุงโอสถขึ้นอยู่กับบุคคล หาใช่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์”
แม้ภายในใจของเขาจะดูหมิ่นหยามเหยียดเพียงใด แต่สีหน้าวาจาคำกล่าวที่แสดงออกมา เย่หยวนกล่าวออกมาเสมือนว่าภาคภูมิใจ
ดาราสวรรค์เองก็คิดแบบนั้นก่อนจะหัวร่อเสียงเบากล่าวว่า
“นั่งสนทนากันเกรงว่าจะคอแห้ง เชิญชิมชาโลหิตพระเจ้าที่เราชายชรานำมา สิ่งนี้หาใช่ผู้คนชนชั้นทั่วไปจะสามารถหาดื่มได้!”
ขณะที่เอ่ยกล่าวขึ้นมา ดาราสวรรค์ก็ผลักชุดหม้อชาไปทางเย่หยวน พร้อมกลิ่นสุคนธรสประดับหอมล้นในทันใด
เย่หยวนกวาดสายตาเหลือบมองชาสีเลือดเล็กน้อย ก่อนจะไม่พบสิ่งใดผิดแปลก
แต่ทันใดนั้นเองหลู่เฉินก็กล่าวเตือนขึ้นว่า
“เย่หยวน ชายคนนี้ต้องการร่ายคำสาปวิญญาณเลือดใส่เจ้า!”
“คำสาปวิญญาณเลือด?”
เย่หยวนเอ่ยสงสัยขึ้น
ตั้งแต่ที่เย่หยวนเดินเข้ามาในห้องนี้ เขาก็ปราดสายตาสำรวจตรวจสอบก่อนแล้วในระดับหนึ่ง ภายในใจคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด
เว้นเสียว่าเขาจะพบสิ่งใดแปลกปลอม
“คำสาปวิญญาณเลือดเป็นคำสาปที่น่ากลัวมากของเผ่าปีศาจ มันหาใช่สมุนไพรหรือโอสถ เจ้าจึงไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ เจ้าเห็นโคนไฟรูปทรงต่างๆที่ประดับอยู่มุมห้องหรือไม่?”
เย่หยวนเหลือบสังเกตสิ่งของโดยรอบทันที แน่นอนว่าเขาเห็นโคมไฟรูปทรงประหลาดประดับอยู่ทั่วห้องจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...