เมื่อสามารถปลิดชีพคู่ต่อสู้รอบที่สิบเจ็ดลงได้ เย่หยวนก็ปล่อยให้เหล่าอัจฉริยะที่เฝ้ามองอยู่ด้านนอกตื่นตะลึงขากรรไกรแทบร่วง
ติงฟานรู้สึกเพียงว่ายามนี้ริมฝีปากของตนแห้งเหือดเสียเหลือเกิน ความแข็งแกร่งของเย่หยวนทรงพลังจนไต่มาถึงรอบนี้ได้จริงๆน่ะรึ?
ขณะที่ตนเดินทางมาสุดในรอบที่เก้า แต่เย่หยวนกลับไปได้ไกลถึงรอบที่สิบแปด!
ความเหลื่อมล้ำระหว่างเขากับแม่ทัพปีศาจขั้นสุดตัวน้อย มันห่างถึงเก้ารอบเชียว?
และเก้ารอบที่ว่านี้ แต่ละรอบความยากที่ต้องเผชิญล้วนเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าทวี
คู่ต่อสู้จากเก้ารอบหลังย่อมแข็งแกร่งยิ่งกว่าคู่ต่อสู้จากเก้ารอบแรกเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าเด็กคนนี้มันแกร่งกล้าเพียงใด! ข้าอยากลองปะมือกับเขาจริงๆหลังจากที่ออกมา!”
ภายในใจของปาถู่รู้สึกคันเหลือทน เขากังขาสงสัยยิ่งว่าแท้จริงแล้ว คู่ต่อสู้ที่เย่หยวนพบเจอมันเหมือนกับของพวกเขาหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต่อสู้ในรอบที่สิบสาม เขาสามารถเอาชนะหญิงสาวผู้แสนเย็นชานางนั้นได้อย่างค้านสายตาพวกเขายิ่ง เห็นได้ชัดว่านางทะลวงหน้าท้องของเย่หยวนจนเป็นรูโหว่ได้ แต่ไฉนกลับเป็นเย่หยวนที่ชนะในตอนท้าย?
“นี่ก็รอบสุดท้ายแล้ว ผลจะเป็นอย่างไรย่อมทราบในไม่ช้าก็เร็ว!”
ติงฟานกล่าวพร้อมแสยะยิ้มเย็น
…………..
เย่หยวนจับจ้องไปยังชายหนุ่มในชุดอาภรณ์สีดำตรงหน้า แรงกดดันขุมใหญ่ที่เขาได้รับกลับไม่เคยสัมผัสจากที่ใดมาก่อน
แม้ว่าหญิงสาวนางนั้นจะแข็งแกร่งยิ่ง แต่นางก็ยังไม่สามารถชักนำแรงกดดันให้แก่เขาได้มหาศาลปานนี้
ก่อนหน้าที่จะได้เผชิญพบกับเจิ้งเจี้ยน เย่หยวนนึกไม่ออกเลยว่า จะมีเซียนอาณาจักรบรรพกาลพระเจ้าครึ่งขั้นคนใดสามารถสร้างแรงกดดันให้เขาได้ขนาดนี้จริงๆ
“เหอะ! เจ้าพวกขยะเหล่านั้นกลับปล่อยให้ไก่อ่อนอย่างเจ้ามาถึงตรงหน้าข้าได้จริงๆ!”
เจิ้งเจี้ยนกล่าวเย้ยหยันขึ้นทันทีพร้อมสายตาแสนดูถูก
เย่หยวนขมวดคิ้วขึ้นถักหนา พวกขยะงั้นรึ?
คู่ต่อสู้ทั้งสิบเจ็ดคนก่อนหน้า ทุกคนล้วนแต่เป็นยอดอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้ เจิ้งเจี้ยนกลับทำให้พวกเขากลายเป็นขยะในพริบตา
มุมปากเย่หยวนกระตุกขึ้นเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า
“พวกเขาเหล่านั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เจ้าเป็นพวกบ้าระห้ำ แต่ข้าไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า จะเป็นพวกบ้าระห้ำที่หยิ่งผยองปานนี้”
เจิ้งเจี้ยนเค้นเสียงเย็นเอ่ยตอบอย่างไม่แยแสว่า
“ไม่ใช่ว่าข้าหยิ่งผยอง แต่เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ตรงหน้าข้าเลย ข้าไร้เทียมทานที่สุดในบรรดายอดอัจฉริยะในระดับชั้นเดียวกัน แต่เจ้าเป็นเพียงเด็กน้อยอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดเท่านั้น แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรเข้ามายืนเทียบชั้นกับข้าผู้นี้?”
กลิ่นอายความหยิ่งผยองของเจิ้งเจี้ยนแผ่ซ่านกำราบทั่วสวรรค์ เขากำลังดูถูกเย่หยวนโดยสิ้นเชิง
ในสายตาของเขา ไม่มีผู้ใดในระดับชั้นเดียวกันที่สามารถเป็นคู่มือของเขาได้ เช่นนั้นแล้วนับประสาอะไรกับเย่หยวนที่มีระดับพลังต่ำกว่าเขา?
เพียงว่าวาจาคำกล่าวเหล่านี้ค่อนข้างเป็นเรื่องขำขันสำหรับเย่หยวน
ไร้เทียมทานที่สุดในบรรดายอดดอัจฉริยะในรระดับชั้นเดียวกัน? วาจาคำกล่าวเช่นนี้แม้แต่เย่หยวนเองยังไม่กล้าพูด แต่เจิ้งเจี้ยนคนนี้กลับกล่าวออกมาได้อย่างไร้ยางอาย
บนมหาพิภพถงเถียนอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต คำว่ายอดอัจฉริยะกลับมีมากมายเกินคนานับดั่งเส้นขนวัว มีใครบ้างกล้าบอกว่าตนเองไร้เทียมทานที่สุด?
เย่หยวนเชื่อสนิทใจว่า เจิ้งเจี้ยนคนนี้เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งแน่นอน แต่การที่สามารถเอ่ยกล่าวเช่นนี้ออกมาได้โดยไม่ละคายปาก เย่หยวนกลับเริ่มไม่มั่นใจแล้วเช่นกัน
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“เหอะ เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย เพราะตลอดที่ผ่านมา ข้าเองก็ยังไม่เคยเจอผู้ใดในระดับเดียวกันที่เป็นคู่มือข้าได้เลยเช่นกัน”
เจิ้งเจี้ยนแสยะยิ้มพลางเอ่ยกล่าวเย้ยหยันไปว่า
“เช่นนั้นรึ? ดูท่าเจ้าเองก็หยิ่งผยองนัก! หากเป็นอย่างนั้น ข้าจะบดขยี้ความหยิ่งผยองของเจ้าให้สิ้นในวันนี้! ข้าจะทำให้เจ้าตระหนักแจ้งเองถึงความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับอัจฉริยะ!”
“มาเถิด ข้ารอคอยที่จะได้พบเจอกับอัจ…ฉริยะเสียนานแล้ว”
เย่หยวนจงใจลากเสียง แสดงความรังเกียจเผยให้เห็นออกมา เพราะเขาไม่ชอบบุคคลที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดคนนี้อย่างมาก
เจิ้งเจี้ยนยังคงยืนนิ่งดุจหินผา วาจายั่วยุของเย่หยวนกลับใช้ไม่ได้ผล
ทันทีทันใด เย่หยวนพลันขมวดคิ้วเข้มทันที รัศมีพลังที่ปะทุออกจากร่างของเจิ้งเจี้ยนลดลงตกฮวบในพริบตา เขาระงับระดับพลังของตนเหลือเพียงอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดเหมือนกับเย่หยวน!
“เจ้าประหลาดใจนักรึ?”
เจิ้งเจียนเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างไม่แสแย
เย่หยวนพยักตอบตรงไปตรงมาและกล่าวว่า
“ประลหาดใจเล็กน้อย”
เจิ้งเจี้ยนกล่าวต่อว่า
“ข้าเคยกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว ตัวข้าไร้เทียมทานที่สุดในบรรดาระดับชั้นเดียวกันทั้งหมด หากยังหยิบใช้ขุมพลังอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครั้งขั้นกับเจ้า แล้วข้าจะต่างไปจากพวกขยะที่ผ่านมาอย่างไร?”
เย่หยวนยักไหล่ตอบว่า
“ตามที่เจ้าพอใจเสีย”
เย่หยวนในตอนนี้ค้นพบแล้วว่า ตนไม่มีทางสื่อสารกับชายผู้หยิ่งผยองตรงหน้าได้เลย
กล่าวได้ว่า อยากทำอะไรก็ทำไป เขาพูดไปคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ภายนอกเหล่าเหล่าอัจฉริยะกลุ่มนั้นที่เฝ้ามองภาพฉาก ต่างอ้างปากค้าง ลิ้มพัลวันพูดไม่ออกกันอยู่นาน
“บัดซบ! เจ้าบ้านั้นมันปัญญาอ่อนรึอย่างไร? กล้าระงับระดับพลังลงเพื่อต่อกรกับบรรพกาลราตรีจริงๆ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...