หญิงสาวกล่าววาจาลงดาบเสียงเย็นสะท้านไร้ซึ่งแยแส
ร่างไสววูบสายหนึ่งของเย่หยวนเคลื่อนโฉบ ฉวยจังหวะปลดปล่อยดับเงาสยบมารเป็นคำรบสอง
หญิงสาวผู้แสนเย็นชาหาได้ปริปากกล่าวอันใด เขตแดนน้ำแข็งแผ่สะพัดไพศาลออก เปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบข้างเย่หยวน
ทั้งคู่ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูงผู้เชี่ยวชาญในด้านแนวคิด นี่เป็นครั้งแรกที่ขุมพลังแห่งแนวคิดสุดแกร่งกล้าของเย่หยวน พบเจอคู่มือต่อกรที่แท้จริงของมัน
เขาเร้ากระตุ้นวรยุทธเคลื่อนไหวจนถึงขีดสุด แต่ไม่ว่าอย่างไรกลับไม่สามารถตีฝ่าผ่านหญิงสาวนางนี้ไปได้
เขตแดนน้ำแข็งของนางเปรียบเสมือนตาข่ายยักษ์ที่เข้ามัดมือมัดขาของเย่หยวนเอาไว้
แท้ที่จริงแล้ว หญิงสาวนางนี้หาใช่คู่มือเย่หยวนไม่
กระบวนสังหารที่แท้จริงของเย่หยวนคือรุ่งเบิกอรุณ ทว่าจำต้องใช้ภายใต้สภาวะดับเงาสยบมาร
รุ่งเบิกอรุณกล่าวคือสุดยอดกระบวนทำลายล้างสรรพสิ่งใต้สวรรค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ความเร็วของเย่หยวนลุถึงสภาวะสุดยอด เขาก็ค้นพบจุดอ่อนของหญิงสาวผู้แสนเย็นชานางนี้ได้นานแล้ว
แต่หากพิชิตนางด้วยวิธีเช่นนั้น เขาจะไม่สามารถทำความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติได้อีกต่อไป
เขาพยายามบังคับตัวเองให้ถึงขีดจำกัด เพื่อทำความเข้าใจต่อแนวคิดแห่งห้วงมิติภายใต้ภาวะจนมุม
ปัจจุบัน เย่หยวนหลอมรวมสองแนวคิดระหว่างเต๋าแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติผ่านเพลงดาบที่ปลดปล่อยออกไป
เย่หยวนได้ค้นพบแล้วว่า การเชื่อมต่อกับแนวคิดแห่งห้วงมิติผ่านเต๋าแห่งดาบ มันให้ผลลัพธ์เป็นสองทวีเท่าในหนึ่งความพยายาม
แม้ว่าคู่ต่อสู้ก่อนหน้าเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขาคนนั้นก็ยังมเทียบชั้นกับหญิงสาวผู้อสนเย็นชานางนี้ได้
ยามนี้ปฏิกิริยาตอบสนองฉับไว เย่หยวนหมุนตัวไปหานางพร้อมเร่งเร้าระดมพลังทั้งหมดออกมา
ภายใต้สถานการณ์กดดันเช่นนี้ เป็นเรื่องง่ายกว่าสำหรับเย่หยวนที่จะก้าวข้ามขีดกำจัดของตัวเองไปสู่อีกขั้น
ตั้งแต่สู้ในรอบแรก เย่หยวนค้นพบแล้วว่า เหล่าอัจฉริยะยุคบรรพกาลเหล่านี้ล้วนมีความเข้าใจที่แตกต่างจากคนในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับพลังแห่งแนวคิด
เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาวนางนี้ที่สามารถหลอมรวมเต๋าแห่งดาบเข้ากับแนวคิดแห่งน้ำแข็งได้ในระดับลึกซึ้ง ความสามารถนี้ของนางนับว่าพิเศษและโดดเด่นอย่างมาก กล่าวได้ว่านางคือผู้ไร้เทียมทานที่สุดในยุคนั้นก็ไม่ผิด
มีโอกาสเข้าต่อกรกับผู้ที่หลอมผสานสองแนวคิดได้ ผลประโยชน์ที่ได้รับมันแตกต่างไปจากตอนที่เย่หยวนเข้าฝึกปรือในห้วงบ่มเพาะแห่งความตายโดยสิ้นเชิง
การต่อสู้กับตัวเองเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดตนเองไปอีกขั้น นับเป็นการพัฒนาเชิงแนวตั้ง
แต่การได้ต่อสู้แลกเปลี่ยนกระบวนกับอัจฉริยะเหล่านี้ เป็นการขยับขยายขอบเขตความเข้าใจให้กว้างขึ้น มิใช่เพียงแนวคิดที่ตนเคยมี แต่เป็นการเรียนรู้แนวคิดอื่นๆจากทุกคน นับเป็นการพัฒนาเชิงแนวนอน
เย่หยวนสามารถต่อสู้กับตัวเองกี่ครั้งก็ได้ แต่เป็นโอกาสยากนักที่จะได้แลกเปลี่ยนกระบวนกับอัจฉริยะแห่งยุคบรรพกาลเหล่านี้
“เปล่าประโยชน์! พลังปราณเทวะของเจ้าระดมใช้กะทันหันเกินไป! หากยังไม่รับถอยเจ้าจะตายได้!”
เสียงแผดเย็นสะท้านของหญิงสาวเอ่ยดังขึ้น
แม้จะดูเหมือนว่าหญิงสาวนางนี้คือโฉมงามดั่งธิดาน้ำแข็งที่ไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ก็เห็นได้ชัดว่า นางประทับใจในพรสวรรค์การต่อสู้ของเย่หยวนเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่นางเอ่ยปากเตือนเช่นนี้
เว้นเสียแต่เย่หยวนจะหาได้สนใจคำเตือนอีกฝ่ายไม่ เขามิได้ฟังนางเลยด้วยซ้ำ
“หึ! ช่างดื้อรั้นนัก!”
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าเย่หยวนไม่ฟังคำเอ่ยเตือนใดๆ เช่นนั้นนางเองก็ไม่ยอมถอยแล้วเช่นกัน ดาบยาวในมือกระชับจับแน่นปราดพุ่งด้วยความเร็วสูงสุด
“ปราณดาบเหมันต์พิสุทธิ์!”
นี่คือผลงานชิ้นเอกของนาง เต๋าดาบที่แกร่งกล้าที่สุด!
เต๋าดาบสุกลึกล้ำหลอมรวมเข้ากับแนวคิดแห่งน้ำแข็งขั้นสูง ก่อให้เห็นเพลงดาบที่สามารถปลดปล่อยไอเย็นจับขั้วไขกระดูกศัตรูได้ กล่าวได้ว่าแม้แต่ดับเงาสยบมารของเย่หยวนยังถูกแช่แข็งกลางเวหา
กลิ่นอายแห่งความตายโชยออกมาจากเบื้องหน้า!
ซวบ!
เงาร่างทั้งสองสายตัดผ่านกันและกัน ทันทีทันใดการเคลื่อนไหวของทั้งสองพลันหยุดชะงักในบัดดล
ติ้ง!
ติ้ง!
ช่องท้องของเย่หยวนถูกทะลวงเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ ธารเลือดรินไหลออกเป็นทางยาว
“ฮ่าๆๆ! ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็พ่ายลงเสียที! สุดท้ายจำต้องพ่ายแพ้! คราวนี้คงไม่มีอันใดพลิกโพแล้วกระมัง?”
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ ปู่เจ้อเริ่มระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
ทุกคนต่างถอนหายใจเสียงยืดยาวด้วยความโล่งอกสุดหัวใจ กลิ่นอายแห่งความกดดันที่เย่หยวนนำพามาให้พวกเขามันมากเกินไป
เอาชนะฝ่าฟันความเป็นความตายได้อย่างหวุดหวิดถึงสิบสามรอบรวด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...