ธารข้อมูลมากมายหลายหลากหลั่งไหลเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเขาโดยตรง
ตอนนี้เย่หยวนสามารถควบคุมได้เพียงหนึ่งในสามส่วนหลักของโถงแห่งนี้
หากเขาต้องการที่จะควบคุมโถงบัลลังก์ม่วงให้เชี่ยวชาญกว่านี้ เขาจำต้องบ่มเพาะฝึกปรือวรยุทธในส่วนที่เหลือ
“ฟู่วว..กินผลึกปราณเทวะมหาศาลปานนี้เลยรึ? น่ากลัวจริงๆ!”
เย่หยวนแทบหมดคำพูดทันทีที่เห็นมันกลืนกินผลึกปราณเทวะอย่างกระหาย
ยามนี้เขาควบคุมให้โถงบัลลังก์ม่วงปลดปล่อยการโจมตีเพื่อกำจัดศัตรูระดับชั้นราชันพระเจ้าหนึ่งดาว ซึ่งจำต้องใช้ผลึกปราณเทวะระดับต่ำมากถึงห้าสิบล้านก้อน!
สิ่งนี้เทียบเท่าได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของราชันพระเจ้าหนึ่งดาวคนหนึ่ง
เนื่องจากเย่หยวนมีฐานะเป็นถึงนักหลอมโอสถผู้แกร่งกล้าและเคารพสรรเสริญยิ่งต่อผู้คน ดังนั้นกระเป๋าเขาจึงหนักมิใช่น้อย ยามนี้พกผลึกปราณเทวะระดับต่ำไม่น้อยกว่าหลายสิบล้านก้อนในตัว
หากเป็นนักสู้ทั่วไป ระดับชั้นเดียวกับเย่หยวนคงมีแค่ผลึกปราณเทวะระดับต่ำติดตัวแค่หลักแสนเท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ เหล่านักฝู้จำต้องดูดซับพลังจากผลึกปราณเทวะเพื่อบ่มเพาะพลังเช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องใช้มันเป็นตัวกลางเพื่อจับจ่ายซื้อทรัพยากรการบ่มเพาะพลังอื่นๆ รวมไปถึงสิ่งของเบ็ดเตล็ดอีกมากมาย
“จุจุ นี่มันของเล่นคนรวยชัดๆ!”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวพร้อมสีหน้าสุดขื่นขม
“อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้นับเป็นของดีโดยแท้!”
หวูเฉินรวนหัวเราะกล่าว
“ท่านอาวุโสพอจะมีวิธีช่วยผู้อาวุโสนิกายบัลลังก์ม่วงหรือไม่?”
เย่หยวนเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีทางช่วยเหลือได้เลยจริงๆ แม้ยอดเซียนผู้ไร้เทียมทานยังไม่สามารถอยู่เหนือกาลเวลาได้เช่นกัน ร่างที่กำลังสนทนากับเจ้าเป็นเพียงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น หลังจากถูกปิดผนึกมานานเกินคณานับ จิตวิญญาณของเขาก็แทบจะสลายแล้ว”
หวูเฉินกล่าวอย่างหมดหนทาง
“คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ น่าเสียดายนัก”
เมื่อเย่หยวนกลับเข้าสู่ความเป็นจริงก็พลันพบว่า ชายชราร่างผอมกำลังจับจ้องเขาพร้อมสีหน้าการแสดงออกแสนอยากรู้อยากเห็นยิ่ง
“ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่ง!”
เย่หยวนประสานมือกล่าวขอบคุณ
ชายชราร่างผอมยิ้มและกล่าวว่า
“คนที่ควรกล่าวขอบคุณกลับเป็นข้าเสียมากกว่า เราชายชราถูกปิดผนึกอยู่ที่นี่มานานเกินนับแล้ว และเจ้าคือผู้ที่ช่วยปลดปล่อยข้า ทั้งยังดับผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งเช่นเจ้าอีก นี่นับเป็นพรของสวรรค์แล้ว! เจ้าคือผู้สอบทอดนิกายบัลลังก์ม่วงคนต่อไป! เห็นแบบนี้เราชายชราก็สามารถจากไปอย่างหมดห่วงแล้ว”
ความหมายของชายชราผู้นี้ค่อนข้างชัดเจน เขาต้องการจะจบชีวิตตัวเองลง!
ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้า แท้ที่จริงเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ต่ออย่างน้อยสองถึงสามปี
แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
ในขณะที่เอ่ยกล่าวร่างของชายชราก็ค่อยๆสลายหายไป
“พ่อหนุ่ม เจ้าชื่ออะไร?”
ชายชราเอ่ยถาม
เย่หยวนกล่าวด้วยความเคารพว่า
“ผู้เยาว์นามว่าเย่หยวน”
ชายชราระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า
“ดี! ดี! ดีมาก! เย่หยวน เจ้าทำให้เราชายชราผู้นี้ไม่ผิดหวังเลย! จงสลักจำไว้ เราชายชรานามว่าเนียเซิง ประมุขนิกายบัลลังก์ม่วงคนรุ่นสุดท้าย ในที่สุดวันนี้เราชายชราก็สามารถชดเชยความผิดตลอดมาของข้าได้ในที่สุด!”
เย่หยวนเฝ้ามองอีกฝ่ายที่ค่อยๆสลายหายไปกลายเป็นแสง เขาถอนหายใจพร้อมกล่าวอย่างหนักแน่นมุ่งมั่นว่า
“ผู้อาวุโสเนียเซิงโปรดมั่นใจ เราผู้เยาว์เย่หยวนจะนำพานิกายบัลลังก์ม่วงผงาดขึ้นสู่มหาพิภพอีกครั้ง!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเนียเซิงพลันฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ ก่อนจะจากไปอย่างเป็นสุข
จิตใจของเย่หยวนยามนี้ปั่นป่วนมิใช่น้อยภายในโถงบัลลังก์ม่วงแห่งนี้
เมื่อกวาดสายตามองไปยังสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำที่กองรวมกันเป็นภูเขา เย่หยวนก็รู้สึกราวกับฝันไป
“จุจุ นี่ถือว่าข้าถูกรางวัลใหญ่แล้วกระมัง? มหาขุมทรัพย์ทั้งหมดของนิกายอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว!”
เย่หยวนกล่าวขึ้น พยายามระงับอาการตื่นเต้นอย่างสุดกำลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...