จ้าวทัพปีศาจสุดแกร่งกร้าวเอ่ยปากประชดประชันเสียดสีอวี้หานไม่หยุดหย่อน
อวี้หานท่าทียังคงเฉยเมนไม่สนใจหรือแม้แต่โต้ตอบหักล้างใดๆ
นางทราบดีว่ายามนี้เอ่ยกล่าวอะไรไปล้วนต้องผิดไปหมด
แต่เรื่องนี้กลับโทษนางได้หรือไม่?
แม้แต่ท่านดาราสวรรค์และท่านติงเอ๋อก็ยังไม่สามารถมองผ่านตัวตนที่เก็บงำได้ออก แล้วนับประสาอะไรกับนาง?
ใครจะไปรู้ว่ามนุษย์จะสามารถหลอมตัวเป็นปีศาจได้สมบูรณ์แบบปานนี้?
โม่หานจับจ้องภาพฉากนี้พร้อมใบหน้าเศร้าหมองมืดมนมิใช่น้อย
เขาเองก็ขออาสาอยู่ที่นี่ต่อไปเช่นกัน
ความไม่พอใจของโม่หานที่มีต่อเย่หยวนค่อนข้างร้าวรานแตกลึก ยามนึกถึงท่าทีอันหยิ่งผยองของเย่หยวน เขาพลันรู้สึกเดือดดาลขึ้นทันทีอย่างบอกไม่ถูก
ในที่สุดเขาก็สามารถลงมือจัดการอีกฝ่ายได้ คราวนี้เย่หยวนจักต้องคุกเข่าขอความเมตตาต่อแทบเท้าเขา!
ดังนั้นแล้วโม่หานจะปล่อยโอกาสดีเช่นนี้ให้หลุดมือได้อย่างไร?
“เอาล่ะ จื้อเฉิน เจ้าเลิกบ่นได้แล้ว หากกล่าวว่าใครในตอนนี้เกลียดไอ้เด็กเหลือขอนั้นสุดคงเป็นน้องอวี้หาน ใช่หรือไม่น้องอวี้หาน?”
จู่ๆโม่หานก็เอ่ยปากกล่าวขึ้น
อวี้หานเหลือบมองโม่หานเจือประหลาดใจ ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า
“สิ่งที่พี่โม่หานกล่าวถูกต้องแล้ว ข้าในตอนนี้หวังที่จะกะซวกเนื้อสดของมันกินทั้งแบบนั้น เพื่อล้างชำระความเกลียดชังภายในใจนี้! ตราบใดที่ไอ้เด็กเหลือขอนั้นออกมา ข้าจะแสดงให้มันเห็นเองว่า ความน่ากลัวที่แท้จริงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย!”
ขณะที่นางเอ่ยกล่าว อวี้หานพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนหันขวับจับจ้องไปทางซากโบราณสถานทันที
โม่หานอุทานลั่นตกใจยิ่ง
“ค่ายกลมัน…หายไปแล้ว!”
ทีแรกทั้งสามสะดุ้งเฮือกชั่วขณะ ก่อนเผยสีหน้าแสนสุขใจในทันที
ภายในซากโบราณสถานแห่งนี้จักต้องเก็บซ่อนขุมสมบัติไว้มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ภายในนั้นจะมีสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำเพียงอย่างเดียว แต่นี่นับว่าเป็นกำไรก้อนโต!
ทันทีทันใดอวี้หานขมวดคิ้วแน่น นางเอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“นี่ไม่ถูกต้อง! ก่อนหน้านี้ค่ายกลยังทำงานปกติดี ไฉนจู่ๆถึงหายไปอย่างไร้ร่องรอย? หรือนี่…จะเป็นกับดัก?”
โม่หานก็รู้สึกได้เช่นกันว่าสถานการณ์นี้ดูแปลกพิกล คล้อยหลังครุ่นคิดอยู่สักพัก ดวงตาพลันสว่างไสวขึ้นกล่าวว่า
“มีความเป็นไปได้ว่ามรดกภายในซากโบราณสถานแห่งนี้จะตกเป็นของบรรพกาลราตรีแล้ว นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ค่ายกลหายไป”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ เขาก็ระเบิดหัวร่อน้ำเสียงเหี้ยมโหดลั่นสนั่น
“ตราบใดที่เราสามารถจับเจ้าเด็กนั่นได้ สมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของเรา!”
ดวงตาอีกสองคู่พลันสว่างวาบฉายแววโลภในทันใด
พวกเขาทราบแล้วว่า ก่อนหน้านี้ที่ติงฟานผ่านด่านไปได้แปดรอบก็ได้รางวัลเป็นถึงสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำระดับต่ำแล้ว
ดังนั้น…เย่หยวนที่สามารถผ่านควบทั้งสิบแปดรอบ ทั้งยังอยู่ภายในนั้นเป็นเวลานานถึงสามเดือน รางวัลที่อีกฝ่ายได้รับจะเหนือจินตนาการเพียงใด! แค่คิดก็ทำให้พวกเขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว
ทันใดนั้น อวี่หานกล่าวขึ้นว่า
“ท่านพี่ทั้งสอง กล่าวตามตรง หากภายในนั้นมีสมบัติน้อยกว่าที่คาด อวี่หานกลับไม่ต้องการอะไรมาก ขอเพียงสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำสักชิ้นมาประดับคู่กายข้างก็พอ ที่เหลือทั้งหมดล้วนเป็นของท่านพี่ทั้งสอง ว่าอย่างไรบ้าง?”
อวี่หานนางนี้ค่อนข้างฉลาดหัวไว นางข้อทำข้อตกลงเป็นประกันไว้ล่วงหน้าทันที
นางถึงขั้นลดความคาดหวังของตนเองลงเพื่อขอสมบัติจ้าวปีศาจเลิศล้ำเพียงชิ้นเดียว คำขอเช่นนี้มิอาจปฏิเสธลงได้จริงๆ
มิฉะนั้นหากทั้งสามทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ ในท้ายที่สุดนางอาจไม่ได้อะไรกลับไปเลยสักชิ้น
โม่หานกับจื้อเฉินสบตากันเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ากล่าวว่า
“ไม่มีปัญหา! หากภายในนั้นมีสมบัติไม่มากจริงๆ คงต้องทำเช่นนั้น แต่หากมีจำนวนมากมาย ก็ต้องแบ่งสันปันส่วนให้ดี และอย่าลืมเก็บเข้ากระเป๋าพวกเราเป็นการส่วนตัว”
“เช่นนั้นแล้ว…ไยไม่รีบเข้าไปกัน?”
จื่อเฉินโพล่งกล่าวขึ้นทันที
โม่หานยิ้มและกล่าวว่า
“รีบเข้าไปเพื่ออันใด? นั่งรอพักผ่อนอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่ารึ? เมื่อไอ้เด็กเหลือขอนั้นได้รับมรดกสมบัติมาแล้ว เป็นไปได้ไหมที่มันจะไม่กลับออกมา?”
แววประกายสาดสะท้อนผ่านนัยน์ตาของจื่อเฉิน เขายิ้มกล่าวว่า
“เข้าท่านัก!”
ทั้งสามสบสายตากันพร้อมคลี่ยิ้มกว้างเบิกบานใจ ก่อนหายวับไปจากจุดที่เคยยืนอยู่
หลังจากนั้นไม่นานพลันปรากฏร่างหนึ่งก้าวแช่มออกมาบริเวณทางเข้าซากโบราณสถาน นั่นจะเป็นใครไปมิได้นอกจากเย่หยวน
คล้อยหลังที่เย่หยวนปรากฏตัวออกมา เขาก็เรียกดาบจักรพรรดิล้ำฟ้าขึ้นกระชับมืออย่างระแวดระวัง
เมื่อพวกอวี่หานทั้งสามเห็นดังนั้นยังรอช้าอยู่ไย? พวกเขาเผยตัวจากที่ซ่อนออกมาโดยตรง!
“ท่านปรมาจารย์บรรพกาลราตรี ไม่ได้พบกันเสียนาน!”
โม่หานเอ่ยทักทายขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม
แต่อวี่หานคำรามเสียงเยียบเย็นขึ้นลั่นว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...