“ทำตามคำขอทั้งหมด…”
ในคำกล่าวเหล่านี้ไม่มีคำว่าหลอมโอสถสักคำ
หากพวกเขาไม่สามารถรับคำหรือสัญญาของลูกค้าได้ สิ่งนี้อาจทำให้ใบหน้าของพวกเขาบวมเป่งเนื่องจากถูกกระทืบ
อย่างไรก็ตาม จุดที่ร้านชายโอสถเล็กๆแห่งนี้ตั้งอยู่เป็นเส้นถนนกุ้ยพ้วยที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ ร้านแห่งนี้จึงไม่ค่อยดึงดูดผู้คนเท่าไหร่นัก มิฉะนั้นร้านแห่งนี้คงถูกร้านค้าอื่นๆหรือฝูงชนกล่าวเย้ยหยันนับไม่ถ้วนนานแล้ว
แต่เจ้าของร้านทราบดีว่า ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ได้ ในไม่ช้าคงเป็นที่รู้จักของผู้คนในไม่ช้าก็เร็ว แน่นอนว่าในทางที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
และชายหนุ่มหน้าหวานผู้นี้เป็นคนแรกที่พบเห็นความผิดปกติของป้ายร้าน
“เหอะ! เจ้าของข้า ข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่! ในเมื่อเจ้าทำได้ทุกอย่างเช่นนั้นข้าต้องการให้เจ้าหลอมกลั่นโอสถ! เจ้าจะยอมรับคำขอหรือไม่?”
ชายหนุ่มหน้าหวานทำท่าทำทางเอาแต่ใจอย่างยิ่ง จนบังคับให้เจ้าของร้านร่นถอยออกไปหลายก้าว
เจ้าของร้านอยากตอบว่ารับคำขอก็จริง แต่เขากลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย!
เมื่อพินิจมองให้ดีแล้ว เยาวชนหนุ่มหน้าหวานคนนี้น่าจะเป็นนายน้อยจากตระกูลร่ำรวย เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่เพื่อก่อปัญหา แล้วโอสถที่เขาร้องขอให้หลอมกลั่นให้จะเป็นโอสถง่ายๆทั่วไปได้อย่างไร?
“เอ่อ…เอ่อ…”
ทั่วทั้งใบหน้าของเจ้าของร้านเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ยามนี้ไม่รู้ควรกล่าวตอบไปอย่างไร
มุมปากของหนุ่มหน้าหนาวพลันกระตุกขึ้น นางกล่าวเหยียดหยามดูถูกออกไปว่า
“หากเจ้าไร้ซึ่งความสามารถ เช่นนั้นจะติดป้ายบัดซบนี้หาอันใด? ข้าจะฉีกป้ายของเจ้าทิ้งซะ!”
“นะ-นายน้อย…นี่หาใช่เรื่องดีไม่กระมัง?”
ฮ้วนน้อยรู้สึกอับอายอย่างยิ่งในยามนี้กับท่าทางเอาแต่ใจของนายน้อยของนาง
“มีอะไรไม่ดี? พวกมันกล้าอวดอ้างเกินจริง จะปล่อยให้มันลอยนวลหลอกผู้คนกระมัง?”
หนุ่มหน้าหวานยังคงไม่ลดละความตั้งใจ
ทันใดนั้นเองก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินออกมาจากหลังร้าน ก่อนเอ่ยปากกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“หากแม่นางต้องการโอสถชนิดใด สามารถสั่งได้เลย อย่าไปฉีดป้ายร้านค้าคนอื่นเล่นเสีย ราคาหาใช่ถูกๆไม่”
คำกล่าวของเย่หยวนเรียบนิ่งและสงบเยือกเย็นอย่างมาก อย่าลืมไปเสียเขาเพิ่งสะบั้นป้ายกลุ่มอิทธิพลคนอื่นลงไป ทั้งยังบังคับให้อีกฝ่ายเปลี่ยนชื่อกลุ่มอีก
เอ่อ…ก่อนจะไปกล่าวเตือนคนอื่น เขาควรกล่าวเตือนตนเองก่อนดีกว่าหรือไม่?
หนุ่มหน้าหวานอดแปลกใจมิได้ที่สามารถมองตัวตนของนางออกเพียงปราดตาเดียว หลังจากนั้นไม่นาน นางก๋พลันโมโหขึ้นเล็กน้อย
ชายคนนี้สายตาเฉียบคมปานนั้น ถึงสามารถมองผ่านทราบได้ในทันที?
แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ไม่พร้อมเอ่ยกล่าวอย่างเหยียดหยามขึ้นว่า
“ข้าสงสัยเสียจริงว่า คนที่แขวนป้ายนี้คือเจ้าใช่ไหม?”
เย่หยวนกล่าวตอบพร้อมสีหน้าไม่แยแสใดๆ
“หากใช่แล้วจะทำไม?”
“แล้วจะทำไมงั้นรึ? หุหุ ช่างขี้โม้โอ้อวดเสียจริง! เจ้าคิดว่าตนเองเป็นท่านเทพบรรพชนโอสถกระมัง? ถึงสามารถหลอมกลั่นโอสถได้สารพัด! วันนี้…ข้าจะฉีกป้ายอวดอ้างของเจ้าทิ้งซะ!”
เย่หยวนเค้นเสียงเย็นตอบว่า
“ต้องการฉีกป้ายของข้า? หากมีปัญญาก็ลองดู”
“ฮ่าๆ! ไอ้เด็กเหลือขออย่างเจ้า อายุไม่มากแต่เสียงกลับไม่เล็กโดยแท้! เช่นนั้นรออยู่ตรงนี้แหละ!”
ทันทีทันใด หญิงสาวนางนั้นก็หมุนตัวกลับและวิ่งออกไปกลางถนนสายหลัก พร้อมยกมือป้องปากตะโกนลั่นสุดเสียงว่า
“ทุกคน! ทุกคนมาดูนี่เร็ว!!”
เนื่องด้วยเสียงตะโกนนี้ นางจึงกลายมาเป็นจุดสนใจในทันที
แม้ว่าถนนกุ้ยพ้วยจะอยู่ห่างไกลจากถนนเส้นที่คึกคัก แต่ก็หาใช่ว่าจะเงียบร้างไปเลย มิฉะนั้นกลุ่มอัสนีคำรนคงไม่เหลือทำเลนี้ให้เย่หยวนเช่นกัน
หญิงสาวนางนั้นหัวเราะเยาะคึกคักกับตนเองภายในใจว่า
‘อวดดีนักรึ? ยามนี้มีคนจำนวนมากมายกำลังจับจ้องเจ้าหลอมกลั่นโอสถ ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าจะแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างไร! ป้ายอวดอ้างเช่นนี้ คุณหนูอย่างข้าจะขยี้มันด้วยเท้าคู่นี้เอง!’
เมื่อเห็นภาพฉากนี้ เจ้าของร้านพลันหัวใจเต้นแรงในทันใด พลันแอบคิดไปว่างานที่เขาได้รับมอบหมายมา ยามนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!
แต่ขณะเดียวกัน เย่หยวนพลันลอบแสยะยิ้มขึ้นอย่างลับๆ นี่…นับเป็นโอกาสดีเช่นกัน…
ฮ้วนน้อยยามนี้ขายหน้าอย่างหนัก รีบเร่งโค้งศีรษะขอโทษเย่หยวนทันที
“ท่านผู้นี้ ข้าต้องขอโทษแทนคุณหนูด้วยจริงๆ! นางเป็นคุณหนูตระกูลข้าเอง มีนิสัยเอาแต่ใจจนทำให้ผู้คนเดือดร้อนอยู่บ่อยครั้ง”
เย่หยวนโบกมือปัดพลางยิ้มกล่าวว่า
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้นางสร้างปัญหาไปแหละดีแล้ว”
เจ้าของร้านหันขวับมองเย่หยวนฉายแววประหลาดใจ ธุรกิจเล็กๆแห่งนี้เตรียมล้มละลายได้เลย แต่เขายังจะปล่อยให้นางสร้างปัญหาจริงๆ…
หากเป็นเช่นนั้น…เขามีหวังตกงานเป็นแน่!
เมื่อเห็นเหล่าฝูงชนจำนวนมากมายแห่แหนเข้ามารวมตัวกัน หญิงสาวนางนั้นก็ดูพึงพอใจขึ้นอย่างมากและกล่าวขึ้นว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...