จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1542

สรุปบท ตอนที่ 1542 นี่มันเขตของข้า ไสหัวไป: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 1542 นี่มันเขตของข้า ไสหัวไป จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1542 นี่มันเขตของข้า ไสหัวไป คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1542 นี่มันเขตของข้า ไสหัวไป
ตอนที่ 1542 นี่มันเขตของข้า ไสหัวไป
โดย
Ink Stone_Fantasy
“รับจ้างหลอมกลั่นสารพัด? เหอะ เหอะ ขี้โม้ไร้ยางอายเกินไป! เราชายชราคนนี้หมกมุ่นศึกษาศาสตร์แห่งโอสถมานานไม่รู้กี่หมื่นปี แต่ยังไม่มีหน้าอวดอ้างใหญ่โตปานนี้! ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก อีกไม่กี่วันเหล่าฝูงชนเดี๋ยวก็ไล่ทุบป้ายไปเอง!”

เรื่องของร้านค้าโอสถรับจ้างสารพัดกลายเป็นข่าวดังที่กล่าวกันปากต่อปาก แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งเขตเมืองทางตอนใต้อย่างรวดเร็ว

อู๋เฟินที่ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยปากเย้ยหยันหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน

ในมหาพิภพแห่งนี้นยังมีใครบางคนกล้าอวดอ้างว่า รับจ้างหลอมกลั่นสารพัดจริงๆ!

“ท่านปรมาจารย์? ไม่จำเป็นต้องสนใจจริงๆรึ? ข้าได้ยินมาว่า เหล่าผู้คนต่างเห็นนักหลอมโอสถคนนั้นหลอมกลั่นกับตาตัวเอง! แถมยังหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นเทวะได้ด้วย!”

อู๋เฟินตะคอกสวนกลับไปทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นว่า

“โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นเทวะ? ต่อให้เป็นข่าวปลอมเจ้าเองกลับเชื่อเช่นกัน? คงมีร้านขายโอสถเล็กๆในเขตเมืองทางตอนใต้สามารถหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามขั้นเทวะได้จริงๆกระมัง? เช่นนั้นข้าไม่ลาออกไปขายเต้าหู้เลยกระมัง?!”

แต่เถ้าแก่ยังคงกล่าวต่อว่า

“ท่านปรมาจารย์ข้าจะบอกว่า…ท่านจพเด็กที่รักษาจู้โหย่วได้หรือไม่? ตอนนี้เขาเปิดร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด ซึ่งเป็นธุรกิจของกลุ่มอัสนีคำรนในปัจจุบัน”

สีหน้าการแสดงออกของอู๋เฟินแข็งค้างโดยพลัน ยามนี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่!

หากเป็นเจ้าเด็กนั้น…มันอาจเป็นไปได้จริงๆ!

“หึ! มันจะมีความสามารถขนาดนั้น? ได้! ข้าจักส่งมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้มันเอง! ขอดูเสียหน่อยว่า มันจะทำตามคำขอของข้าทั้งหมดได้หรือไม่!”

อู๋เฟินกดล่าวขึ้นพลางแสยะยิ้มสุดเย็นชา

หลัวอวี้และเหอเซียวนั่งสนทนากันอยู่ที่รังใหญ่ของกลุ่มสุริยันจันทรา พวกเขาเองต่างก็ให้ความสนใจอย่างมากกับร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างที่เพิ่งเปิดเช่นกัน

“ข้าได้สอบถามท่านปรมาจารย์อู๋เฟินแล้ว ดูเหมือนว่าเขาเองก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือชีวิตของจู้โหย่ว แต่ดูเหมือนว่าที่เขากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง จะเป็นเพราะเด็กใหม่ที่อยู่ในร้านขายโอสถสารพัดรับจ้าง!”

สีหน้าการแสดงออกของหลัวอวี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง ปรากฏว่ากลับมีเด็กที่ไหนไม่ทราบโผล่ออกมาทำลายแผนการของพวกเขาทั้งหมดโดยไม่ทันรู้ตัว

จู้โหย่วถือได้เป็นมือขวาคนสำคัญของซิงกวน หากมันตายได้นี่นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของกลุ่มอัสรีคำรน

แต่กลับไม่คิดไม่ฝันเลยว่า จู้โหย่วคนนี้จะได้รับความช่วยเหลือจากใครบางคน ไม่เพียงฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และยังเดินเหินสบายดีราวกับมิได้เจ็บป่วยอันใดมาก่อน พบเห็นเช่นนี้แล้วหลัวอวี้จะไม่โมโหได้อย่างไร?

เห่อเซียวยิ้มกล่าวว่า

“ไอ้เก็กนี่ฟังดูน่าสนใจ! อย่าว่าแต่ท่านปรมาจารย์อู๋เฟินเลย แม้แต่เหล่าปรมาจารย์ในเขตเมืองชั้นในยังไม่กล้าแขวนป้ายแบบนี้!”

หลัวอวี้กล่าวต่อว่า

“แต่อย่างไรเขายังคงเป็นเด็กในท้ายที่สุด หลังจากช่วยชีวิตจู้โหย่วได้ มันคงคิดว่าตนเองเป็นเทพเซียนนักหลอมโอสถกระมัง ถึงได้บางชื่อเสียงหาญกล้าวางป้ายเช่นนั้นได้?”

เห่อเซียวแสยะยิ้มกว้างกล่าวว่า

“ในเมื่อมันต้องการชื่อเสียงปานนี้ เช่นนั้นพวกเรามาสนองให้มันกันเถอะ!”

จากนั้นทั้งคู่พลันสบสายตากันก่อนฉีกยิ้มกว้างราวกับรู้ใจ

หนิงซื่ออวี๋ยังคงเฝ้ามองเย่หยวนที่กำลังจับชีพจรวินิจฉัยผู้คน ซึ่งยามนี้สามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่า แววตาตาที่จับจ้องนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความหลงใหล

เจ้าหนุ่มคนนี้อายุใกล้เคียงกับนางจริงๆรึ?

ไฉนถึงน่าประทับใจขนาดนี้?

หลายวันที่ผ่านมา นางยังคงตามตื๊อเย่หยวนไม่ห่างกายราวกับเด็กน้อยขอขนม แต่นางก็มิได้จุ้นจ้านทำตัวก่อปัญหาใดๆ

เนื่องจากความตื๊อหนักของนาง ในที่สุดเย่หยวนก็ยอมให้นางอยู่ต่อติดตามเขาอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อข่าวร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดกระจายออกไป ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาท้าทายต้องการลองของเย่หยวนเช่นกัน

ซึ่งในระหว่างนั้นเองก็มีคนที่เจ็บปวดจริงๆและมีอาการค่อนข้างซับซ้อน ยากต่อการรักษาแวะเวียนมาบ้าง บางคนถึงขั้นลากสังขารเจียนตายมาหาถึงที่

แต่เมื่อมาถึงต่อหน้าเย่หยวน อันตรายเหล่านั้นพลันหมดไปในพริบตา

กล่าวได้ว่าโอสถทุกเม็ดที่เย่หยวนหลอมกลั่นล้วนได้ผลดีเป็นอย่างมาก

อย่างน้อยที่สุด ตั้งแต่เปิดร้านมาปัญหาก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นสักครั้ง

มาตรฐานหลอมกลั่นโอสถของหนิงซื่ออวี้เองก็สูงส่งมากเช่นกัน ดังนั้นบางทีนางก็อาสาลงมือช่วยเหลือเช่นกัน

แต่จะมีบางกรณีจริงๆที่แม้แต่นางก็ทำอะไรไม่ถูก

อย่างไรก็ตามแต่ ราวกับเย่หยวนมีพลังวิเศษเปลี่ยนสิ่งที่เน่าเสียให้กลายเป็นทองได้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยพลาดหรือล้มเหลวเลยสักครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละคนที่เข้ารักษา ยามออกไปกลับเดินเหินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

หนิงซื่ออวี๋ได้แต่เฝ้ามองพลันนึกจินตนาการอยู่ในใจ หากเปลี่ยนเป็นตัวนางคงไม่มีทางทำได้เช่นเดียวกับเย่หยวนแน่นอน

ไม่…บางทีผลลัพธ์ที่ได้อาจแย่กว่านี้มาก!

บางที…ชายคนนี้อาจมิใช่มนุษย์!

หลายวันผ่านไป ในที่สุดความหยิ่งผยองของหนิงซื่ออวี๋ก็ถูกเย่หยวนปราบจนเชื่อง

“ถึงชายคนนี้จะอวดเก่งเพียงใด แต่เขากลับมีทุนรอนมากพอจริงๆ!”

หนิงซื่ออวึ๋พึมพำกับตัวเอง

ส่วนฮ้วนน้อยจ้องหนิงซื่ออวี๋เขม็งพลันสงสัยยิ่งว่า นี่ยังเป็นคุณหนูที่นางรู้จักอยู่หรือไม่?

หญิงสาวที่เองแต่ใจอาละวาดไปทั่วตอนนี้หายไปไหนแล้ว?

เย่หยวนกล่าวตอบอย่างไม่แยแสว่า

“อย่าไปสนใจให้เสียเวลาเลยว่าเจ้าคือใคร ท้ายหลังเจ้ายังมีคนป่วยมากมายที่รอต่อแถวอยู่ ผู้ใดก่อปัญหาหรือรบกวนการรักษา จัดการสิ้นไม่มีข้อยกเว้น!”

ได้ยินแบบนั้นเฉินเปาโกรธจัด ยามนี้เตรียมปราดพุ่งทะยานโจมตีเย่หยวนทันที แต่ทันใดนั้นเอง

“เฉินเปา! เจ้ากล้าก่อปัญหาในเขตของกลุ่มอัสนีคำรนงั้นรึ?! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่ข้าสามารถสะบั้นคอเจ้าได้ตอนนี้!”

ปรากฏชายกำยำอีกคนเข้ามาสกัดห้ามปรามไว้ทันที ซึ่งนี่มิใช่ใครอื่นนอกเสียจากหัวหน้าห้าแห่งกลุ่มอัสนีคำรน

ทันทีที่ได้ยินว่าเฉินเปากำลังเดินทางมาที่ร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด เขาก็รีบพาคนของตนมุ่งตรงเข้ามาทันที

คู่ดวงตาของเฉินเปากรอกกลิ้งไปมาเล็กน้อยและยิ้มกล่าวว่า

“ก่อปัญหาอันใด? ข้ามาที่นี่เพื่อพบนักหลอมโอสถ! น้องชายข้าเป็นโรคผิดประหลาดไม่สามารถรักษาให้หายได้ ดังนั้นเมื่อทราบว่าที่แห่งนี้วิเศษวิโสนักจึงลองพามาก็เท่านั้น!”

ทันทีที่หัวหน้าห้าได้ฟังดังนั้นพลันเลิกคิ้วขึ้นทันทีโดยมิตั้งใจ ก่อนมองไปยังเปลหนึ่งที่กลุ่มคนของเฉินเปาแบกเข้ามา

ปรากฏร่างของชายวัยกลางคนที่กำลังนอนโทรมอยู่ ผิวพรรณทั่วทั้งร่างของเขากลายเป็นสีขี้ผึ้ง ดวงตาทั้งสองจมลึกโบ๋ พร้อมกับลมหายใจแสนรวยรินใกล้ตาย

เป็นที่ชัดเจนว่า เฉินเปาพาคนแบบนี้มาเพื่อหาเรื่องโดยเฉพาะ

อาการเจ็บป่วยแบบนี้มิใช่เรื่องง่ายที่จะรักษา

“แล้วนี่มันอะไรกัน?”

หัวหน้าห้าชี้ไปที่โต๊ะหินอ่อนที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

เฉินเปาเอ่ยตอบอย่างไม่แยแสว่า

“ก็โต๊ะมันเก่าและผุพังมากแล้วจับนิดจับหน่อยย่อมเสียหายเป็นธรรมดา แต่นี่…กะจิตกะใจเจ้าจะไม่สนใจคนป่วยหนักเลยรึไง?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้นเสียงเย็นว่า

“อยากพบข้าต้องต่อแถว หากไม่พอใจก็ไสหัวไป!”

เฉินเปาแสยะยิ้มกล่าวว่า

“ฮ่าๆ มีผู้คนมากมายเป็นพยาน หากน้องชายของข้าตายลงตรงนี้ เจ้าจะรับผิดชอบหรือไม่?”

เย่หยวนตอบกลับดั่งคร้านจักใส่ใจ

“หากเขาตายก็คือตาย จะให้ข้าทำอย่างไร? นี่มันเขตร้านของข้า หากไม่ต่อแถวรอก็ไปรักษาที่อื่น!”

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ