เมื่อเย่หยวนเห็นเจ้าท้วม เขาก็โผเข้ากอดทันที
ไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นเวลาเนิ่นนาน เย่หยวนรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
หนิงซื่ออวี๋เดาะลิ้นเสียงดังก้องคล้ายว่าถึงบางอ้อเข้าใจแจ่มแจ้ง นางเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อยเจือความประหลาดใจ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาก็ยังมีด้านแบบนี้กับเขาด้วยเช่นกะน
เซี๋ยะจิ้งอวี๋กระวนกระวายใจยิ่งทั่วใบหน้าแดงก่ำ โพล่งกล่าวขึ้นว่า
“น้องชาย ข้าคิดถึงเจ้าแทบตาย+”
“พี่…พี่ใหญ่เย่!”
เหลียงหวางหรูดูเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทักทายในที่สุด
เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า
“น้องหวางหรู พัฒนาการของเจ้าในช่วงที่ผ่านมาไม่เลวเลยจริงๆ! ฮ่าๆ”
เหลียงหวางรุยคลี่ยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย นางกล่าวว่า
“ทั้งหมดหาใช่เพราะโอสถของพี่ใหญ่เย่? มิฉะนั้นด้วยพรสวรรค์ของหวางหรูแค่ลำพัง มีหรือจะพัฒนามาไกลถึงปานนี้?”
ในปัจจุบัน เหลียงหวางหรูทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าได้แล้ว อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นความเร็วในการพัฒนาที่น่าอัศจรรย์นัก
เย่หยวกล่าวอธิบายกับเหลียงหวางหรูให้กระจ่างกันมานานแล้ว ในท้ายที่สุดนี้สถานะของพวกเขาควรหยุดอยู่กันแค่พี่น้อง
แม้ความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจของเหลียงหวางหรูกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย แต่สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงยอมรับความจริงเท่านั้น
ข้างกายทั้งสองเป็นเซียวเฟิงที่ยามนี้รู้สึกตื่นตะลึงใจไม่รู้จบ เขากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสนขมขื่นว่า
“เราชายชราไม่คิดไม่ฝันมาก่อนจริงๆ กลับเป็นเจ้านี่เองที่อยู่ในร้านขายโอสถสารพัดรับจ้างแห่งนี้! คิดย้อนกลับไปครุ่นพินิจให้ดี นอกจากเจ้าแล้วยังมีใครกล้าตั้งแผ่นป้ายรับจ้างสารพัดหลอมกลั่นเช่นนี้อีกกัน?”
เย่หยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยกล่าวว่า
“นั้นเป็นเรื่องช่วยไม่ได้เช่นกัน เงื่อนไขในการเข้าสู้เขตเมืองชั้นในยุ่งยากเกินควร ท้ายที่สุดนี้ข้าจำต้องสร้างเรื่องเล็กน้อยเพื่อดึงพวกท่านออกมาเสียเอง”
เซียวเฟิงรวนหัวเราะไม่ต่าง ยิ้มกว้างกล่าวขึ้นว่า
“สร้างเรื่องเล็กน้อย? เจ้ารู้หรือไม่ว่าทุกกลุ่มอิทธิพลภายในเขตเมืองชั้นในต่างรู้จักหมดแล้วว่า มียอดอัจฉริยะคนหนึ่งที่ตั้งป้ายว่ารับจ้างสารพัด!”
ดวงเนตรคู่นั้นของหนิงซื่ออวี๋กรอกวนไปมาเสียรอบหนึ่ง นางเข้าใจทั้งหมดอย่างกระจ่างแจ้งแล้วว่า ทั้งหมดที่เย่หยวนทำไปก็เพื่อดึงทั้งสามคนนี้เข้ามาหา!
แรกเห็นเย่หยวน นางรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ช่างหยิ่งผยองยิ่งนัก
แต่เมื่อได้รู้จักจริงๆ หนิงซื่ออวี๋กลับรู้สึกว่าเย่หยวนหาใช่คนหยิ่งผยองแม้สักนิด จึงอดสงสัยว่าไปคิดอีท่าไหนถึงตั้งป้ายรับจ้างสารพัดไปแบบนั้น?
นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ทั้งหมดก็เพื่อดึงมิตรสหายภายในเขตเมืองชั้นในให้ออกมาหา!
หนิงซื่ออวี๋ตะลึงงันจนพูดไม่ออก คงมีแค่เย่หยวนเท่านั้นที่ตัดสินใจหยิบใช้วิธีการแปลกๆเช่นนี้เพื่อทำเป้าหมายให้สำเร็จกระมัง?
หากเป็นคนอื่นเห็นได้ชัดว่าคงเลิกล้มความคิดไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรคนบางอาจต้องอยู่ในเขตเมืองชั้นนอกไปตลอดชีวิต!
แต่เย่หยวนกลับเลือกที่จะท้าทายห้ากลุ่มอิทธิพลยักษ์ใหญ่โดยลำพัง ซึ่งนี่ก็ส่งผลลัพธ์ดีเกินคาด
เย่หยวนในเวลานั้นทำให้นางรู้สึกดั่งว่าเขาเป็นเทพเซียนไร้เทียมทาน!
เต๋าแห่งโอสถเหนือชั้นกว่าทุกสรรพสิ่งใด!
เย่หยวนยักไหล่และกล่าวว่า
“นี่เป็นเรื่องช่วยมิได้เช่นกัน ทุกคนก็ควรทราบดี ข้ามิได้โดดเด่นอะไรขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทั้งสามอดกรอกตามองบนใส่เย่หยวนมิได้
เซียวเฟิงลูบเครายาวสีขาวของเขา ขณะจับจ้องเย่หยวนเจือหมั่นไส้เล็กน้อย กล่าวว่า
“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าเกือบคว่ำเมืองหลวงวู่เมิ่งมาแล้ว แต่ยังกล้ากล่าวว่าตนมิได้โดดเด่น?”
“ฮ่าๆ นั้นมันอุบัติเหตุเท่านั้นๆ!”
เย่หยวนรวนหัวเราะเอ่ยตอบกลับไป
เซียวเฟิงเพียงเอ่ยกล่าวเล่นกับเย่หยวนเท่านั้น เพราะเขาทราบดีรว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นที่เมืองหลวงวู่เมิ่ง มันหาใช่ความผิดของเย่หยวนไม่
ทั้งหมดเป็นเพราะเย่หยวนถูกบีบคั้นทั้งสิ้น
“แต่เจ้านี่ก็หัวแข็งจริงๆที่ยังกล้ากลับมายังเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์! ฉินเซียวยังคงมีเส้นสายไม่น้อยในหอยุทธ์ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี! เมื่อใดที่มันทราบว่าเจ้ากลับมาแล้ว มีหรือจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ?”
เซียวเฟิงกล่าว
เย่หยวนเบะปากเล็กน้อย เอ่ยกล่าวสุดหยามเหยียดขึ้นว่า
“ชีวิตสุนัขจรเฉกเช่นมัน ข้าเองก็เตรียมฆ่าทิ้งในไม่ช้าก็เร็ว! แม้ข้าจะจัดการมันให้อยู่หมัดมิได้ แต่หากจะฆ่าข้าดั่งตอนนั้น คงไม่ง่ายอีกต่อไป!”
เซียวเฟิงฉายแววประกายฉงนสงสัย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นชั่วขณะ ดูเหมือนว่าเย่หยวนจะพบพานโชคดีมาไม่น้อยในช่วงหลายปีมานี้!
เซียวเฟิงค้นพบว่าเย่หยวนในปัจจุบันทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...