จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1564

สรุปบท ตอนที่ 1564 ขุมพลังที่แท้จริงของขอบเขตแห่งเต๋า!: จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1564 ขุมพลังที่แท้จริงของขอบเขตแห่งเต๋า! – ตอนที่ต้องอ่านของ จอมเทพโอสถ

ตอนนี้ของ จอมเทพโอสถ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 1564 ขุมพลังที่แท้จริงของขอบเขตแห่งเต๋า! จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 1564 ขุมพลังที่แท้จริงของขอบเขตแห่งเต๋า!
โดย
Ink Stone_Fantasy
ซวนอี้ปิดปากเงียบมิได้ส่งเสียงใดๆ เขายังคงยืนนิ่งอยู่เคียงข้างหวังต้องการเห็นว่า เย่หยวนคิดจะทำอะไรกันแน่

แม้เขาจะไม่ชอบมีเรื่อง แต่หลู่เมิงก็เปรียบเสมือนตัวปัญหาก่อกวนพวกเขาไม่เว้นวาย

ข้อเสนอที่เย่หยวนเปิดฉากออกไปนั้น เขาเองก็ตั้งตารอดูเป็นอย่างมาก

ความแข็งแกร่งของลวี่อี้คนเป็นอาจารย์ย่อมชัดเจนเกินไป และนั้นยังคงห่างไกลจากหลู่เมิง

แม้ว่าบุคลิกนิสัยของหลู่เมิงจะน่ารังเกียจ แต่เขาก็นับเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง มิฉะนั้นคงไม่มีทางไต่เต้ามาเป็นผู้ดูแลระดับสูงของหอโอสถได้เช่นกัน

เย่หยวนเหลือบมองหลู่เมิงอย่างแยแสกล่าวว่า

“หยุดพล่ามวาจาขยะเถอะ ไม่รู้สึกรำคาญตัวเองบ้างรึ? แค่บอกมาว่าเจ้ากล้าหรือไม่? หากไม่กล้าก็อย่าใช้อายุกระดูกของเจ้าเข้าข่มขู่คนไปทั่ว!”

สีหน้าการแสดงออกของหลู่เมิงมืดทมิฬถึงขีดสุด กล่าวเถียงกับไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ยิ่งกว่าโดนถอนหงอก

“แข่งก็แข่ง! เราชายชราอยากเห็นเสียจริงว่า พวกเจ้าจะปั้นหน้าอย่างไรในภายหลัง? แต่…หากเราผู้นี้ชนะจะได้อะไรตอบแทน?”

เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า

“เจ้ามิได้มาที่นี่เพื่อทวงความเป็นธรรมแทนลูกศิษย์ของตนรึไง? หากลวี่อี้แพ้ ข้าจะปิดร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดและออกไปจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์”

สีหน้าของอีกฝ่ายตกลงทันทีกล่าวโต้ไปว่า

“ขอให้เป็นอย่างที่เจ้ากล่าวเสียแล้วกัน! หากเราชายชราคนนี้ชนะ ข้ายังขอให้ลวี่อี้ต้องโขกศีรษะขอโทษข้าต่อหน้าสาธารณะ!”

เย่หยวนเม้มปากเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสียงเรียบกลับไปว่า

“เช่นนั้นเจ้าเลือกชนิดโอสถมาได้เลย ข้าขอเวลาเตรียมตัวแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น! แน่นอนว่าชนิดโอสถที่เลือกจำต้องสอดคล้องกับขอบเขตความสามารถของลวี่อี้ด้วย!”

โอ้วว!

คำกล่าวของเย่หยวนได้ทำให้ฝูงชนโดยรอบระเบิดความโกลาหลในทันใด!

แม้แต่ซวนอี้ยังเผยแสดงสีหน้าความประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่!

ปล่อยให้อีกฝ่ายเลือดชนิดโอสถได้ตามอิสระ?

การประลองเช่นนี้ใครที่มีสิทธิ์เลือกชนิดโอสถย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะความถนัดของแต่ละคนกลับไม่เหมือนกัน

ยิ่งไปกว่านั้น โดยพื้นฐานแล้วความแข็งแกร่งของหลู่เมิงก็เหนือกว่าลวี่อี้อยู่แล้ว แถมยังปล่อยให้อีกฝ่ายมีอิสระในการเลือกชนิดโอสถ นี่ไม่ต่างกับรนหาที่ตายกระมัง?

“ท่านปรมาจารย์เย่ นี่มันไม่เกินไปหน่อยรึ? ท่าน…ท่านไม่เอาคมมีดสะบั้นคอข้าเลยล่ะ?”

“ข้ายอมรับว่าปรมาจารย์เย่ท่านนี้น่าเกรงขามยิ่ง แต่นี่ทั้งๆที่มิได้ออกโรงเอง ทว่าอาละวาดแทนคนอื่นปานนี้ จะไหวจริงๆรึ?!”

“ข้าไม่รู้เลยว่าท่านปรมาจารย์เย่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ใช้เวลาเตรียมตัวแค่หนึ่งชั่วยาม? แค่หนึ่งชั่วยาม…มันจะไปเพียงพออะไร?”

หลู่เมิงอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะระเบิดหัวเราะดังสนั่นอย่างชอบอกชอบใจ

“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กเหลือขอ หากจะหยิ่งผยองช่วยดูคนของเจ้าบ้าง! คิดว่าตนเองไร้เทียมทานปานนั้น? ถึงขั้นให้เราชายชราเลือกชนิดโอสถเอง? เช่นนั้นเตรียมตัวตาย!”

สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาเหลือบมองลวี่อี้เล็กน้อยและยิ้มกล่าวว่า

“ลวี่อี้ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังศึกษาเรื่องโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะอยู่ใช่หรือไม่? แล้วทำไม…เราถึงไม่ประลองกันด้วยโอสถชนิดนี้ล่ะ?”

ทันทีที่วาจาคำนี้ระเบิดออกมา ลวี่อี้พลันหน้าเสียหนัก ยามนี้แทบจะพุ่งเข้าไปตะครุบหลู่เมิงให้รู้แล้วรู้รอด

ในขณะเดียวกัน เขาเองก็ได้แต่ตำหนิเย่หยวนอยู่ภายในใจเช่นกัน

เด็กคนนี้ตัดสินใจอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเกินไปจริงๆ!

ตอนนี้ทุกอย่างเข้าทางอีกฝ่ายไปหมด จนเขาแทบไม่เหลือแสงแห่งความหวังอีกต่อไป!

“ไม่มีทาง! หลู่เมิง เจ้ามีดีแต่รังแกผู้เยาว์รึไง!”

ติงซุนโพล่งคำรามด่าสุดโกรธเกรี้ยว

ศิษย?พี่สามกล่าวเสริมต่อว่า

“เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจดี ศิษย์พี่ใหญ่ไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะได้! แต่ก็ยังจงใจเลือกโอสถชนิดนี้ ไร้ยางอายสิ้นดี!”

ยิ่งศิษย์พี่สองและสามดูกังวลมากเท่าไหร่ หลู่เมิงก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ เขาระเบิดหัวเราะลั่นขึ้นว่า

“เหอะ ก็ไอ้เด็กเหลือขอนี่ปล่อยให้ข้าเลือกชนิดโอสถเอง! ข้าก็เลือกตามที่มันบอก! แล้วไฉนตอนนี้พวกเจ้ากลับดูไม่เต็มใจเสียล่ะ? ประลองด้วยโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะ เจ้ารับคำท้าหรือไม่?”

โอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะเป็นโอสถประเภทบริโภค มันช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ต่อยอดเต๋าของเหล่านักสู้สูงขึ้นได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นโอสถที่ได้รับความนิยมมาก

แต่ความยากซับซ้อนในการหลอมกลั่นก็ยากเกินบรรยายเช่นกัน

ลืมไปได้เลยสำหรับจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นต้น ต่อให้เป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นกลางหรือปลาย ยังไม่สามารถหลอมกลั่นได้โดยง่าย

พรสวรรค์ของลวี่อี้ค่อนข้างน่าประทับใจ แต่ในเวลานี้ยังไม่ถึงระดับที่เขาจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ที่ยากเช่นนี้ได้

โอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะลวี่อี้พยายามศึกษาเรียนรู้อยู่นานเพื่อพัฒนาฝีมือ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ค่อยดีนัก

“แม้ข้าจะบรรลุขอบเขตแห่งเต๋าแล้วก็จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ข้าจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์สี่ดาว”

ทุกคนที่ได้ยินต่างรู้สึกผิดหวังในทันใด ซวนอี้เอ่ยขึ้นว่า

“แล้ว…”

เย่หยวนกล่าวว่า

“โอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะข้าหลอมกลั่นไม่ได้ก็จริง แต่หากเป็นโอสถห้าตรัสรู้อริยะกลับหาใช่เรื่องยาก!”

ลวี่อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าวว่า

“โอสถห้าตรัสรู้อริยะ…ข้าเองก็สามารถหลอมกลั่นได้เช่นกัน แม้ว่าจะมิได้ประสิทธิภาพเทียบเคียงท่านปรมาจารย์เย่ แต่มันก็หาใช่ปัญหาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม…โอสถทั้งสองชนิดนี้ถึงจะมีรากฐานเดียวกัน แต่กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง โอสถชนิดหนึ่งเป็นระดับสี่ ส่วนอีกชนิดเป็นระดับสาม!”

เย่หยวนหันมองไปที่ลวี่อี้เล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า

“อย่างนั้นหรือ? ความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถของเจ้ามันเป็นอย่างไรกันแน่? แม้แต่ยอดเต๋าทุกศาสตร์แขนงยังล้วนเชื่อมโยงสัมผัสกัน โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่มีความยากห่างชั้นกับระดับสามเกินพรรณนาก็จริง แต่โอสถสองชนิดนี้กลับมีพื้นฐานเดียวกัน ลักษณะเด่นคล้ายคลึงกันมาก หากเจ้าปิดกั้นตัวเองเพียงเพราะว่ามันเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่หาใช่ระดับสามไม่ แสดงว่าเจ้าเดินพลาดแล้ว!”

ลวี่อี้ตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อได้ฟัง แต่ก็ทราบดีว่าสิ่งที่เย่หยวนกล่าวไปช้วนเป็นความจริง

แต่การจะจับจุดที่เชื่อมโยงกันระหว่างโอสถทั้งสองชนิดที่มีระดับชั้นต่างกัน กลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อันที่จริงในขณะที่เขาพยายามศึกษาค้นคว้าเรื่องโอสถเจ็ดตรีสรู้อริยะ ซวนอี้ก็เคยกล่าวเรื่องนี้กลับเขาแล้วเช่นกัน แต่ในท้ายที่สุดกลับไม่สามารถเข้าใจได้เลย

ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เย่หยวนก็หยิบหม้อหลอมกลั่นออกมาและวัตถุดิบหลอมกลั่นโอสถห้าตรัสรู้อริยะ ก่อนเอ่ยปากกล่าวว่า

“มีโอกาสเดียวเท่านั้น จงดูให้ดี!”

ทันทีทันใดรัศมีกลิ่นอายของเย่หยวนก็ฟุ้งไปทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยรัศมีแห่งเต๋า

แต่ครั้งนี้กลับเข้มข้นกว่าก่อนหน้าไม่รู้กี่สิบเท่า!

ทุกคนต่างเฝ้าจับจ้องเย่หยวนหลอมกลั่นโอสถด้วยความติ่นตะลึงใจยิ่ง

ในขณะนี้เย่หยวนเปรียบเสมือนปรมาจารย์แห่งการสร้างสรรค์สรรพสิ่งขึ้นมา

สายตาการจับจ้องของซวนอี้แปรเปลี่ยนเป็นความตั้งใจในบัดดล เขาร้องอุทานขึ้นลั่นว่า

“นี่…นี่…นี่คือขุมพลังที่แท้จริงของขอบเขตแห่งเต๋า!”

………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ