แม้เขาจะไม่ชอบมีเรื่อง แต่หลู่เมิงก็เปรียบเสมือนตัวปัญหาก่อกวนพวกเขาไม่เว้นวาย
ข้อเสนอที่เย่หยวนเปิดฉากออกไปนั้น เขาเองก็ตั้งตารอดูเป็นอย่างมาก
ความแข็งแกร่งของลวี่อี้คนเป็นอาจารย์ย่อมชัดเจนเกินไป และนั้นยังคงห่างไกลจากหลู่เมิง
แม้ว่าบุคลิกนิสัยของหลู่เมิงจะน่ารังเกียจ แต่เขาก็นับเป็นอีกหนึ่งคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง มิฉะนั้นคงไม่มีทางไต่เต้ามาเป็นผู้ดูแลระดับสูงของหอโอสถได้เช่นกัน
เย่หยวนเหลือบมองหลู่เมิงอย่างแยแสกล่าวว่า
“หยุดพล่ามวาจาขยะเถอะ ไม่รู้สึกรำคาญตัวเองบ้างรึ? แค่บอกมาว่าเจ้ากล้าหรือไม่? หากไม่กล้าก็อย่าใช้อายุกระดูกของเจ้าเข้าข่มขู่คนไปทั่ว!”
สีหน้าการแสดงออกของหลู่เมิงมืดทมิฬถึงขีดสุด กล่าวเถียงกับไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ยิ่งกว่าโดนถอนหงอก
“แข่งก็แข่ง! เราชายชราอยากเห็นเสียจริงว่า พวกเจ้าจะปั้นหน้าอย่างไรในภายหลัง? แต่…หากเราผู้นี้ชนะจะได้อะไรตอบแทน?”
เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเย็นเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้ามิได้มาที่นี่เพื่อทวงความเป็นธรรมแทนลูกศิษย์ของตนรึไง? หากลวี่อี้แพ้ ข้าจะปิดร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดและออกไปจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์”
สีหน้าของอีกฝ่ายตกลงทันทีกล่าวโต้ไปว่า
“ขอให้เป็นอย่างที่เจ้ากล่าวเสียแล้วกัน! หากเราชายชราคนนี้ชนะ ข้ายังขอให้ลวี่อี้ต้องโขกศีรษะขอโทษข้าต่อหน้าสาธารณะ!”
เย่หยวนเม้มปากเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสียงเรียบกลับไปว่า
“เช่นนั้นเจ้าเลือกชนิดโอสถมาได้เลย ข้าขอเวลาเตรียมตัวแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น! แน่นอนว่าชนิดโอสถที่เลือกจำต้องสอดคล้องกับขอบเขตความสามารถของลวี่อี้ด้วย!”
โอ้วว!
คำกล่าวของเย่หยวนได้ทำให้ฝูงชนโดยรอบระเบิดความโกลาหลในทันใด!
แม้แต่ซวนอี้ยังเผยแสดงสีหน้าความประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่!
ปล่อยให้อีกฝ่ายเลือดชนิดโอสถได้ตามอิสระ?
การประลองเช่นนี้ใครที่มีสิทธิ์เลือกชนิดโอสถย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะความถนัดของแต่ละคนกลับไม่เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น โดยพื้นฐานแล้วความแข็งแกร่งของหลู่เมิงก็เหนือกว่าลวี่อี้อยู่แล้ว แถมยังปล่อยให้อีกฝ่ายมีอิสระในการเลือกชนิดโอสถ นี่ไม่ต่างกับรนหาที่ตายกระมัง?
“ท่านปรมาจารย์เย่ นี่มันไม่เกินไปหน่อยรึ? ท่าน…ท่านไม่เอาคมมีดสะบั้นคอข้าเลยล่ะ?”
“ข้ายอมรับว่าปรมาจารย์เย่ท่านนี้น่าเกรงขามยิ่ง แต่นี่ทั้งๆที่มิได้ออกโรงเอง ทว่าอาละวาดแทนคนอื่นปานนี้ จะไหวจริงๆรึ?!”
“ข้าไม่รู้เลยว่าท่านปรมาจารย์เย่กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? ใช้เวลาเตรียมตัวแค่หนึ่งชั่วยาม? แค่หนึ่งชั่วยาม…มันจะไปเพียงพออะไร?”
…
หลู่เมิงอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะระเบิดหัวเราะดังสนั่นอย่างชอบอกชอบใจ
“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กเหลือขอ หากจะหยิ่งผยองช่วยดูคนของเจ้าบ้าง! คิดว่าตนเองไร้เทียมทานปานนั้น? ถึงขั้นให้เราชายชราเลือกชนิดโอสถเอง? เช่นนั้นเตรียมตัวตาย!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาเหลือบมองลวี่อี้เล็กน้อยและยิ้มกล่าวว่า
“ลวี่อี้ ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังศึกษาเรื่องโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะอยู่ใช่หรือไม่? แล้วทำไม…เราถึงไม่ประลองกันด้วยโอสถชนิดนี้ล่ะ?”
ทันทีที่วาจาคำนี้ระเบิดออกมา ลวี่อี้พลันหน้าเสียหนัก ยามนี้แทบจะพุ่งเข้าไปตะครุบหลู่เมิงให้รู้แล้วรู้รอด
ในขณะเดียวกัน เขาเองก็ได้แต่ตำหนิเย่หยวนอยู่ภายในใจเช่นกัน
เด็กคนนี้ตัดสินใจอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าเกินไปจริงๆ!
ตอนนี้ทุกอย่างเข้าทางอีกฝ่ายไปหมด จนเขาแทบไม่เหลือแสงแห่งความหวังอีกต่อไป!
“ไม่มีทาง! หลู่เมิง เจ้ามีดีแต่รังแกผู้เยาว์รึไง!”
ติงซุนโพล่งคำรามด่าสุดโกรธเกรี้ยว
ศิษย?พี่สามกล่าวเสริมต่อว่า
“เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจดี ศิษย์พี่ใหญ่ไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะได้! แต่ก็ยังจงใจเลือกโอสถชนิดนี้ ไร้ยางอายสิ้นดี!”
ยิ่งศิษย์พี่สองและสามดูกังวลมากเท่าไหร่ หลู่เมิงก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ เขาระเบิดหัวเราะลั่นขึ้นว่า
“เหอะ ก็ไอ้เด็กเหลือขอนี่ปล่อยให้ข้าเลือกชนิดโอสถเอง! ข้าก็เลือกตามที่มันบอก! แล้วไฉนตอนนี้พวกเจ้ากลับดูไม่เต็มใจเสียล่ะ? ประลองด้วยโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะ เจ้ารับคำท้าหรือไม่?”
โอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะเป็นโอสถประเภทบริโภค มันช่วยให้ความสามารถในการเรียนรู้ต่อยอดเต๋าของเหล่านักสู้สูงขึ้นได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นโอสถที่ได้รับความนิยมมาก
แต่ความยากซับซ้อนในการหลอมกลั่นก็ยากเกินบรรยายเช่นกัน
ลืมไปได้เลยสำหรับจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นต้น ต่อให้เป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นกลางหรือปลาย ยังไม่สามารถหลอมกลั่นได้โดยง่าย
พรสวรรค์ของลวี่อี้ค่อนข้างน่าประทับใจ แต่ในเวลานี้ยังไม่ถึงระดับที่เขาจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ที่ยากเช่นนี้ได้
โอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะลวี่อี้พยายามศึกษาเรียนรู้อยู่นานเพื่อพัฒนาฝีมือ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ค่อยดีนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...