แม้ว่าหลู่เมิงจะมั่นใจยิ่งว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่เขาเองก็ไม่คิดจะให้เวลาเย่หยวนไปมากกว่านี้เช่นกัน
เขาเริ่มส่งเสียงดังโวยวายขึ้นทันทีเมื่อใกล้ถึงหนึ่งชั่วยามเต็มทน
เขาเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาว เพียงรวบรวมพลังปราณเทวะเพื่อแผดเสียงตะโกนออกมา ย่อมส่งผ่านไปถึงห้องหลอมชั้นในโดยธรรมชาติ
เอี๊ยดด…
ประตูห้องด้านในพลันเปิดขึ้นอย่างแช่มช้า คนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นสู่สายตาทุกคนอีกครั้ง
สายตาคู่นั้นของหลู่เมิงจับจ้องไปที่ลวี่อี้ จนอดสะดุ้งในใจมิได้
ไม่รู้ว่าทำไม แต่ไฉนเขาถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปกับลวี่อี้
‘ไร้สาระ! แค่เวลาหนึ่งชั่วยาม เด็กคนนั้นจะพลิกฟ้าคว่ำสวรรค์ได้ปานนั้น? ไม่…เดี๋ยวก่อน! ที่ต้องคิดไปเองแน่นอน เราคิดมากไปเองกระมัง!’
หลู่เมิงแอบอุทานขึ้นในใจ
ที่จริงมิใช่แค่เขาคนเดียวที่รู้สึกแปลกไป กระทั่งคนอื่นๆเองก็เช่นกัน
เนื่องจากเวลาแค่หนึ่งชั่วยามกลับไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย ผลลัพธ์ที่ออกมายังคงเป็นเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
ศาสตร์แห่งโอสถจำต้องใช้ประสบการณ์และเวลาในการบ่มเพาะหลอมสร้างเส้นทางขึ้นมา ความแตกต่างระหว่างหลู่เมิงและลวี่อี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เวลาแค่หนึ่งชั่วยามจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หากเวลาเพียงหนึ่งชั่วยามสามารถพลิกฟ้าคล่ำสวรรค์ลงได้จริงๆ แล้วนักหลอมโอสถที่บ่มเพาะฝึกปรือปีแล้วปีเล่าคงกลายมาเป็นเรื่องตลกแล้วกระมัง?
“เหอะ นี่ยังไม่สายเกินไปที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ หากเจ้ายอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้ บางทีเรื่องใดที่มองข้ามผ่านไปได้ ข้าก็จักมองข้ามไป แต่ไอ้เด็กเหลือขอนั้นยังต้องปิดร้านและไสหัวไปจากที่นี่อยู่ดี!”
หลู่เมิงเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มจอมปลอม แต่สายตาสุดเดือดดุกลับพุ่งตรงใส่เย่หยวน
ลวี่อี้เม้มปากแน่น กล่าวเหยียดหยามขึ้นว่า
“หากข้าไม่สามารถเอาชนะตาแก่อย่างเจ้าได้ในวันนี้ ข้าคงไม่มีหน้าไปเงยมองใครแล้ว! ข้าจะบอกอะไรให้เอาบุญ ตาแก่อย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติมาหยิ่งผยองต่อหน้าข้า!”
“ฮ่าๆๆ ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เจ้าปากเก่งขึ้นแล้วหนิ! แต่หากต้องการอวดดอ้างจำต้องมีทุนรอนเช่นกัน! ทว่าฝีมือของเจ้ายังคงห่างชั้นกับข้านัก!”
หลู่เมิงระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
ลวี่อี้คลี่ยิ้มและกล่าวว่า
“พล่ามไร้สาระมาพอแล้ว หลังจากนี้เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน!”
หลู่เมิงกล่าวตอบว่า
“ในเมื่อเจ้าเป็นคนไร้เหตุผลเช่นนี้ ข้าจะสั่งสอนบอกกล่าวเจ้าเองว่า สิ่งใดที่เรียกว่าผู้อาวุโสกว่า!”
ทั้งสองต่างไม่เรื่องมากเกี่ยวกับสถานที่เช่นกัน โดยแยกห้องหลอมกลั่นภายในร้านขายโอสถรับจ้างสารพัดเพื่อแข่งขัน
เมื่อได้ยินว่า จอมเทพโอสถสี่ดาวมาประชันเดชกันในร้านขายโอสถรับจ้างสารพัด ข่าวนี้ก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งเขตเมืองทางตอนใต้ แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
นักหลอมโอสถจำนวนมากต่างไม่รอช้า รีบแห่กันมารับชมเพื่อเป็นสักขีพยานในการประลองระหว่างจอมเทพโอสถสี่ดาว
การหลอมกลั่นโอสถระดับนี้ยากนักที่พวกเขาจะมีโอกาสเข้าถึง หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นแน่นอน
ตอนนี้ด้านหน้าประตูร้านชายโอสถรับจ้างสารพัดแทบจะระเบิดแจกออก ทุกคนจากทั่วทั้งสารทิศในเขตเมืองทางตอนใต้ต่างแห่แหนเข้ามาดั่งสายธารผู้คน
สมุนไพรวิญญาณนานาชนิดถูกจัดเรียงพร้อมตรงหน้า ทั้งสองเริ่มหลอมกลั่นแล้ว
ทันทีที่เริ่มต้น ด้วยความเจนจัดมากประสบการณ์การณ์ของหลู่เมิงเผยให้เห็นโดดนเด่นกว่าอย่างชัดเจน
เมื่ออยู่ต่อหน้าการหลอมกลั่นโอสถเจ็ดตรัสรู้อริยะ ทุกขั้นตอนจากคนแสนน่ารังเกียจกลับดูสุขุมประณีตขึ้นทันตา ไม่มีแม้แต่เสี้ยวอึดใจที่ประมาทเลย
ทรวดทรงของคำว่าปรมาจารย์จัดเต็มครบถ้วน
ในทางตรงข้าม ลวี่อี้ดูจะควบคุมสถานการณ์ไม่ดีเท่าหลู่เมิง
เมื่ออู๋เฟินเห็นดังนั้นก็พลันถอนหายใจโล่งอก
“เหอะ อาจารย์ยังคงเป็นอาจารย์จริงๆ เขาหรือหาใช่คนที่ไอ้เด็กน้อยนั้นจะเทียบเคียง? เย่หยวน ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้คงมัวแต่หลุ่มหลงอยู่กับคำชื่นชม จนหลงคิดว่าตัวเองเป็นเทพบรรพชนโอสถคนที่สองกระมัง? คิดว่าการสั่งสอนผู้คนเพียงหนึ่งชั่วยามจะทำให้คนเหล่านั้นเก่งขึ้นทันตา?”
อู๋เฟินเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยวาจาแสนเหยียดหยาม
แม้ว่าถังรุยจะไม่รู้จักเรื่องหลอมกลั่นโอสถเท่าไหร่นัก แต่ระดับชั้นความต่างระหว่างทั้งสอง เขาเองก็ยังพอที่จะแยกแยะได้
“หุหุ เมื่อการประลองสิ้นสุดลง เหล่าเชื้อสายของผู้อาวุโสสองจักต้องสูญสิ้นไม่เหลือ ยามนั้นคงต้องซุกหางเก็บขาอีกเป็นเวลานาน”
ถังรุยกล่าวเย้ยเยาะพร้อมรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...