เจ้าของโรงเตี๊ยมเอ่ยร้องลั่น
เย่หยวนยิ้มเล็กน้อยและเดินตรงเข้าไปตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
“ก็ถูกล้อมแน่นราวกับถังเหล็ก ขนาดจะวิ่งออกไปยังทำไม่ได้ เช่นนั้นเราก็ควรสนุกกับชีวิตให้เต็มที่! อย่าปล่อยให้สุราจันทราทองคำต้องเสียเปล่า เร็วเข้าเถ้าแก่! ชนแก้ว!”
เมื่อเย่หยวนกล่าวจบก็ยกจอกสุราหนึ่งขึ้นมา และป้อนเจ้าของโรงเตี๊ยมให้กระดกหมดในชั่วอึดใจ
เจ้าของโรงเตี๊ยมยามนี้ยังมีอารมณ์กินดื่มได้อย่างไร เขาแทบสำลักออกมา
เขาต้องการให้เย่หยวนหนีไปให้ไกลที่สุด แต่เวลานี้ถูกพวกทหารลุมล้อมกลับหวั่นกลัวขึ้นฉับพลัน
กองกำลังปริมาณขนาดนี้สามารถทำให้ผู้คนต่างสิ้นหวังได้เลย
หลังป้อนเสร็จ เย่หยวนก็ยัดจอกให้ในมือเจ้าของโรงเตี๊ยมพร้อมรินเติมให้ใหม่ ทว่าอย่างไร ยามนี้มือที่ถือจอกสุราพะลันสั่นเทาไม่หยุดหย่อน จนสุราจันทราทองคพกระฉอกออกมาจนไม่เหลือ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหวาดกลัวปานใดด
ทันทีที่กองกำลังเคลื่อนทัพจู่โจม โรงเตี๊ยมของเขามีหวังกลายเป็นเถ้าถ่านแน่นอน
เย่หยวนเหลือบมองแวบหนึ่งและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า
“เถ้าแก่ โรงเตี๊ยมเฟิงหลานยังคงเปิดให้บริการต่อไปในเมืองหลวงหวู่เมิ่งแน่นอนไม่ต้องห่วง”
เมื่อกล่าวจบ ร่างเย่หยวนก็ปราดพุ่งกระโจนหายวับในพริบตา ปรากฏเงาไสวกระโดดออกจากหน้าต่างไป
บนท้องถนนเหล่าทหารสวมชุมเกราะพร้อมเตรียมรบต่าตั้งท่ารอจู่โจม
แต่ทันใดนั้นเอง
ชวิ้ง! ชวิ้ง! ชวิ้ง!
คมดาบสีเย็นสาดกะพริบเคลื่อนผ่านร่างของทหารเหล่านั้น เย่หยวนกระหน่ำฟันไม่มียั้งมือ
เส้นคมประดุจตัดขอบฟ้าฟันฟาดผ่านกองกำลังทั้งหมดดุจพริ้วดั่งสายลม หอกยาวที่ทหารเหล่านั้นถือครองพลันร่วงกราวลงมา
แม้จะอยูท่ามกลางกองทัพของปีศาจนับพันหมื่น เย่หยวนยังสามารถล่าสังหารได้ตามใจอิสระ แล้วกับแค่ทหารของเมืองหลวงยังนับประสาอันใด?
หากเย่หยวนต้องการฆ่า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรอดพ้นจากความตตายได้
อย่างไรก็ตามแต่ เป้าหมายของเขาที่มาในครั้งนี้คือ จ้าวอี้และฉินจ้าวหยุน หาใช่กองทหารธรรมดาพวกนี้
เมื่อจ้าวอี้เห็นเย่หยวนเต็มสองตา เขาก็พลันหน้าเสียโดยมิตั้งใจและร้องอุทานดังลั่นด้วยความตกใจยิ่งว่า
“เจ้า…เจ้าทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางแล้ว!”
เย่หยวนมีเงินหลักหลายพันล้าน ด้วยทรัพยากรไร้จำกัดที่หนุนหลังเขาอยู่ ย่อมทำให้พัฒนาการของเขาพุ่งทานเร็วกว่าเดิมนับหลายสิบเท่า
เมื่อไม่นานมานี้ เย่หยวนก็ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลางได้ในที่สุด
ยามนึกถึงตอนที่เย่หยวนจากไปในตอนนั้น เขาเพิ่งจะขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าชั้นต้นไปหมาดๆ เวลาผ่านไปแค่ยี่สิบปี กลับพัฒนาขึ้งถึงหนึ่งอาณาจักรพลังหลัก!
วคามเร็วในการบ่มเพาะพลังเช่นนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวอี้ยังรู้ด้วยว่า เย่หยวนหาใช้เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าธรรมดาทั่วไป เขาสามารถข้ามระดับสัประยุทธ์ได้!
หากย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาที่เพิ่งทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า ได้นำกุ้ยหยุนเข้าต้านรับกับศิษย์สถานศึกษาทั้งห้า
ในหมู่พวกนั้นยังมีเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าขั้นสุดรวมอยู่ด้วยถึงสามคน!
แต่ผลการต่อสู้กับเป็นโศกนาฏกรรมของทั้งห้าแทน!
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“แม้ทัพจ้าวอี้ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? พิธีต้อนรับดูใส่ใจข้าดีหนิ!”
เย่หยวนนำมือทั้งสองข้างไพล่หลัง แผ่ขุมพลังประดุจจ้าวพิภพ
จ้าวอี้ยามนี้แทบจะหายใจหายคอไม่ออก สถานะของเย่หยวนในตอนนี้หาใช่ศิษย์คนสำคัญของสถานศึกษาอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาเองก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือเช่นกัน!
ดวงตาคู่นั้นของจ้าวอี้หรี่แคบลงเล็กน้อย เอ่ยกล่าวเสียงเย็นชืดดังว่า
“ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้ เจ้าจะเติบโตไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เจ้าควรทราบไว้ ต่อหน้าท่านเจ้าเมือง ตัวเจ้ากลับไม่นับเป็นอันใด!”
เย่หยวนเค้นเสียงตอบอย่างคร้านจะใส่ใจว่า
“แล้ว?”
จ้าวอี้กล่าวว่า
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจมากเสียจริง ยอมแพ้ซะก่อนจะไม่มีโอกาส!”
เย่หยวนยิ้มและตอบว่า
“มีอะไรอีกไหม?”
จ้าวอี้กัดฟันแน่นเค้นเสียงเย็นตอก
“ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเจ้าในตอนนี้จะมีดีสักเพียงใด! ทั้งหมดถอยไป!”
ภายใต้คำสั่งการของจ้าวอี้ กองทหารเหล่านั้นเร่งถอยห่างออกไปทันที
ศึกสัประยุทธ์นี้ หาใช่สิ่งที่ระดับชั้นอย่างพวกเขาจะเข้าไปมีส่วนร่วมได้
แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่า แม้ทัพของพวกเขาจะหวาดกลัวไอ้เด็กเหลือขอตรงหน้าได้
อาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้นหรือจะพ่ายให้แก่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นกลาง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...