ใบหน้าชราของเขากล่าวได้ว่ามีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่เขายอมก้มหัวให้!
ทว่าวันนี้กลับไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า วันนี้เขากลับต้องก้มหัวให้เด็กน้อย!
แต่หากเขาไม่ยอมลดศีรษะในตอนนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการท้าทายเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมด
โทษสถานหนักปานนี้ เขาไม่สามารถแบกรับได้ไหว
หากเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ เขากลับไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้เลย!
หลู่เมิงกัดฟันกรอดเค้นเสียงพยายามกล่าวว่า
“ผ-ผู้อาวุโสเย่ เมื่อครู่กลับเป็นหลู่เมิงคนนี้ใจร้อน ผู้…ผู้อาวุโสเย่โปรดอย่าได้ถือสา!”
ยามที่เขาเอ่ยนามผู้อาวุโสเย่ เพียงสามพยางค์นี้ทำเอาเขาขนลุกซู่วซ่าสะท้านขึ้นยันหนังศีรษะ
เมื่อคนอื่นๆพบเห็นภาพฉากนี้ต่างก็อดแสดงสีหน้าประหลาดใจมิได้
หลู่เมิงอายุมากจนแทบลงโลงแล้ว แต่ไยต้องก้มหัวขอโทษเด็กคนหนึ่ง นี่มันรู้สึกขัดหยางอย่างสุดพรรณนายิ่งยวด
“หึ! เห็นแก่หน้าผู้อาวุโสใหญ่ คราวนี้ข้าจะละเว้นชีวิตเจ้า! หากเจ้ายังคิดกระทำผิดอีก ในครั้งหน้าเจ้าจักถูกลงโทษอย่างหนักตามกฎของหอโอสถ!”
เย่หยวนเค้นเสียงเย็นกล่าวตักเตือนราวกับกำลังสั่งสอนรุ่นน้อง
ไอ้เด็กคนนี้ก็ยังจะตามน้ำเขาไปอีก!
หลู่เมิงกล่าวเสียงเย็นชืดชาดังว่า
“ผู้อาวุโสเย่ วันนี้ข้าต้องการขอคำชี้แนะจากท่าน ทั้งหมดก็เพื่อทำให้งานประลองหอโอสถมีชีวิตชีวา ท่านว่าอย่างไร?”
เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นตอบไปว่า
“เจ้าเป็นแค่ผู้ดูแล มีคุณสมบัติใดหาญกล้ามาขอคำชี้แนะจากข้า?”
ทันทีที่คำกล่าวเหล่านี้เอ่ยดดัง คลื่นเสียงโหร้องก็ดังกังวานจากทั่วเบื้องล่าง
เห็นได้ชัดว่าเย่หยวนกำลังเลี่ยงวลี คิดหนีไม่เผชิญหน้าแม้แต่น้อย
การใช้อค่ศักดิ์สถานะผู้อาวุโสเพื่อบีบคั้นฝูงชนให้ศรัทธา นับเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นเมื่อหลู่เมิงพบเห็นภาพฉากเช่นนี้ เขาก็อดมีความสุขมิได้อยู่ภายในใจ
หลู่เมิงยิ้มแสยะเย็นชายิ่ง เขากล่าวว่า
“เหอะ เหอะ ผู้อาวุโสเย่เป็นเพียงจอมเทพโอสถสาวกดาว ไม่ว่าข้าจะอ่อนด้อยเพียงใด ก็เป็นถึงจอมเทพโอสถสี่ดาวชั้นกลาง หรือเป็นไปได้ไหมว่า ข้าไร้ซึ่งคุณสมบัติที่จะให้ท่านชี้แนะปานนั้น? หรือท่านกลัวว่าจะมีความลับบางอย่างเปิดเผย จึงไม่กล้าชี้แนะข้าถึงปานนี้?”
เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงโห่ร้อง เย่หยวนกลับหาได้สนใจไม่ แต่อย่างใด เขาก็ยังกล่าวท่าทางแสนเหยียดหยามตอกไปว่า
“หากข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้ ข้ายังมีคุณสมบัติใดเป็นผู้อาวุโสได้? ลืมไปเลย เอาล่ะ! ในเมื่อทุกคนอยากเห็นความแกร่งกล้าของข้าผู้นี้นัก เช่นนั้นข้าจักทำให้ทุกคนได้เห็นจนพอใจ!”
หลู่เมิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนที่แสนหัวรั้นนี้ กลับเป็นฝ่ายเปิดศึกเองในท้ายที่สุด
เขาไม่คิดเลยว่าเย่หยวนจะยอมตกลงจริงๆ
“หุหุ เช่นนั้น ผู้อาวุโสเย่โปรดชี้แนะข้าด้วย!”
หลู่เมิงประสานมือและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เขามั่นใจอย่างที่สุดว่า เย่หยวนไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย และหากเขาไม่สามารถโค่นจอมเทพโอสถสามดาวได้จริงๆ เขาก็ขอตายเสียดีกว่า
อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนก็เอ่ยกล่าวขึ้นว่า
“ข้าบอกตั้งแต่เมื่อใดว่าจะประลองกับเจ้า?”
หลู่เมิงตัวแข็งค้างไปในทันใด แต่ขณะนั้นเองเย่หยวนก็ประสานมือหันมากล่าวกับหรงซูว่า
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ นับตั้งแต่ที่ข้าเข้ามาภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้ ข้าก็ได้ยินมาว่าศาสตร์แห่งโอสถของท่านน่าเกรงขามที่สุดแล้ว ไม่มีใครในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ที่สามารถเอาชนะท่านได้ เราผู้อาวุโสสงสัยเสียว่า วันนี้ท่านโปรดชี้แนะข้าได้หรือไม่? ท่านผู้อาวุโสใหญ่คิดเห็นอย่างไร?”
ทุกคนต่างตกตลึงยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้น! เด็กนี่ต้องการท้าทายผู้อาวุโสใหญ่?
มันบ้าไปแล้วใช่ไหม?!
ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้ นอกเหนือจากผู้อาวุโสรองแล้ว ปรากฏว่ายังมีใครบางคนกล้าท้าทายผู้อาวุโสใหญ่!
ผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองนับเป็นสองการดำรงอยู่ประดุจพระเจ้าแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์!
พวกเขาเป็นนักหลอมโอสถระดับแนวหน้า!
ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างไม่สามารถเทียบชั้นได้กับพวกเขาทั้งสองเลย
ทว่า จอมเทพโอสถสามดาวตัวน้อยคนนี้กลับหาญกล้าเอ่ยปากท้าทายผู้อาวุโสใหญ่โดยตรง!
มีเพียงรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนมุมปากของผู้อาวุโสรอง ซวนอี้
สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครเก่งกล้าไปกว่าเย่หยวนอีกแล้วในด้านโอสถ
กระทั่งตัวเขาเองยังหาใช่คู่มือขอเด็กคนนี้!
มีความเป็นไปได้ว่าทุกคนต่างคิดว่าเย่หยวนประเมินตนสูงส่งเกินไป แต่หารู้ไหมว่า หากลงกลเย่หยวนเมื่อใด หรงซูเป็นฝ่ายลำบากแน่นอน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...