ทุกคนต่างต้องการเข้าไปรับตำแหน่งในนั้นกันหมด ส่วนผู้ใดรู้สึกว่าอ่อนแอกว่า ยามนี้ไม่มีรั้งรอนปลดปล่อยความสามารถทั้งหมดที่มีออกมา จนใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ
ศึกปะทะไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ ต้องใช้ทักษะการควบคุมที่สูงล้ำมาก
หากเปลวไฟมีขนาดใหญ่เกินไปอาจกลายมาเป็นเป้าหมายร่วมของทุกคน หากผู้มีเปลวไฟเล็กเกินไปก็อาจสร้างความไม่พอใจแก่ผู้คนจนถึงรุมโจมตีได้เช่นกัน
ในเวลาเดียวกัน จำต้องควบคุมเปลวไฟเพื่อเลี่ยงหลบทุกรูปแบบ
อาจกล่าวได้ว่าศึกควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ จำต้องทำหลากหลายอย่างพร้อมกัน
สำหรับนักหลอมโอสถที่ยอดเยี่ยมจำต้องมีทักษาะการควบคุมไฟที่เยี่ยมยอดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ซ่งฉีหยางกลับเหรงหลงในความแกร่งกล้าของตนเองเสียเหลือเกิน ยามนี้ควบแน่นไฟศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นมังกรไฟมหึมา นอกเหนือจากคนฝ่ายเดียวกับเขา มังกรไฟมหึมานี้พุ่งเข้าล้างผลาญสรรพสิ่งวินาญสูญ
นี่เป็นการต่อสู้ของพวกเขาก็จริง แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นการต่อสู่ระหว่างตัวแทนผู้อาวุโสทุกคนเช่นกัน
ยิ่งเขากำจัดศัตรูมากเท่าไหร่ นั้นก็ยิ่งทำให้ฝ่ายของเขามีแต้มมากขึ้นเท่านั้น
การประลองไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ยังเป็นการจัดอันดับของเหล่าเยาชนไปในตัว คนที่เหลือคนสุดท้ายคืออันดับหนึ่ง
ดังนั้นตราบใดที่จำนวนคนที่ถูกคัดออกครบหนึ่งร้อยคนเมื่อใด ที่เหลือบนเวทีก็มั่นใจได้เลย
ในเวลานี้เองภาพเสมือนจริงเป็นรูปลักษณ์ต่างๆทุกชนิดรูปแบบ กระจายสัประยุทธ์เดือดดุทั่วทั้งเวที
ในเสี้ยวพริบตา ซ่งฉีหยางก็ปราบปรามผู้คนไปกว่าสิบราบ เสมือนกับว่าเขากำลังเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าล่าสังหารไม่หยุดยั้ง
ผู้อาวุโสใหญ่ลูบเคราพลางยิ้มร่าบนแท่นที่นั่งอันทรงเกียรติอย่างสุดแสนพึงพอใจ เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจในตัวซ่งฉีหยางยิ่ง
“ผู้อาวุโสใหญ่ ฉีหยางคนนี้จักต้องอนาคตไกลแน่นอน! เคล็ดมังกรฟ้าดับโลกันตร์ของเขาเปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นปรมาจารย์!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งเร่งกล่าวประจบประแจงทันที
หรงซูยิ้มกว่างกล่าวตอบว่า
“หุหุ เด็กคนนี้นับว่าเร็วไม่น้อย แต่ยังห่างจากข้อกำหนดที่ข้าตั้งไว้มาก! นี่ยังไม่ดีพอ!”
ผู้อาวุโสคนนั้นยิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่เป็นอาจารย์เข้มงวด จึงกวดขันจนลูกศิษย์โดดเด่นประดุจเพรชงาม! แม้ว่าเคล็ดมังกรฟ้าดับโลกันจตร์นี้ยังไม่เพียงพอเทียบเคียงระดับชั้นพวกเรา แต่ในบรรดาจอมเทพโอสถสามดาวทั้งหมด ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้แน่นอน!”
หรงซูกล่าวตอบว่า
“นั้นเป็นเรื่องจริง ทักษะการควบคุมไฟของฉีหยางใกล้เคียงจอมเทพโอสถสี่ดาวเต็มทนแล้ว เป็นไปได้ยากมากที่จะเสาะหาใครสักคนที่เหนือกว่าเขาในรุ่นระดับเดียวกัน”
‘หึหึ ข้าไม่ปล่อยให้ขยะเข้าหอโอสถไปง่ายๆหรอก! วันนี้ข้าจะสำแดงเดชให้เห็นเองว่า ศิษย์ของผู้อาวุโสรองทุกคนมันล้วนอ่อนหัด! ข้าจะกำจัดมิให้เหลือแม้แต่คนเดียว!’
ซ่งฉีหยางระเบิดหัวเราะอย่างเยือกเย็นภายในใจ
ทันทีทันใด สายตาของเขาก็เหลียวเข้าจับจ้องไปที่หนิงซืออวี๋
“เหอะ เริ่มจากเจ้าคนแรกที่แหละนังตัวดี! ใครดันไปขอให้เจ้าไปเข้าใกล้เย่หยวนก่อนกัน!”
รอยยิ้มแสยะร้ายปรากฏขึ้นบนมุมปาก ซ่งฉีหยางกระดิกนิ้วเล็กน้อย มังกรไฟมหึมานั้นหันหน้าไปที่หนิงซื่ออวี๋พร้อมพุ่งจู่โจมไฟศักดิ์สิทธิ์ของนางโดยตรง
ไฟศักดิ์สิทธิ์ของหนิงซื่ออวี๋เป็นวิหคเพลิงอมตะตัวน้อยที่แสนงดงาม ในบรรดาไฟศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดดูจะมิได้โดดเด่นนัก
หากซ่งฉีหยางมิได้เร่งเป้าหมายเป็นนางตั้งแต่แรก เขาเองคงไม่ทันสังเกตเห็นวิหคเพลิงอมตะตัวน้อยนี่ได้เลย
สิทธิ์ในการเข้ารับตำแหน่งในหอโอสถ ไม่มีใครคิดว่าสิทธิ์นั้นจะตกเป็นของนางสักคน
ความสามารถและพรสวรรค์ของหนิงซื่ออวี๋ค่อนข้างดีเลิศ แต่ในท้ายที่สุดนางยังเด็กเกินไป
หลายสิ่งอย่างคล้ายกับซ่งฉีหยาง อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะทะลวงขึ้นเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาวได้ นับว่ามีหน้ามีตาอยู่บ้างในหอโอสถ
เว้นเสียแต่ คนเหล่านี้ไร้ซึ่งพลังหาใช่คู่มือของซ่งฉีหยางได้เลยเท่านั้น
“หื้ม? ซ่งฉีหยางเล็งเป้าไปที่หนิงซื่ออวี๋? เด็กนั้นพาลเกินไปแล้ว!”
“เหอะ เหอะ ดูเหมือนว่าซ่งฉีหยางคิดจะขับไล่และกำจัดศิษย์ของผู้อาวุโสรองทุกคนจริงๆ!”
“หากจะโทษต้องโทษผู้อาวุโสเย่! แต่เดิมเองซ่งฉีหยางยังไว้ไมตรีอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กลับเป็นศัตรูกันโดยสมบูรณ์!”
…
ซ่งฉีหยางติดตามทุกการกระทำของหนิงซื่ออวี๋ ยามนี้เขากำลังหาทางจัดการปราบปรามนางอยู่
มังกรไฟมหึมากลืนกินเจ้านกน้อยนี่ดูจะง่ายดายเกินไป
เหล่าผู้อาวุโสเองต่างก็คิดเช่นนั้น
และซ่งฉีหยางเองก็คิดเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามทันทีที่พุ่งชนปะทะกันกลับเปิดภาพฉากที่ไม่คาดฝันขึ้น! ทุกคนต่างตกตะลึงในทันใด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...