กล่าวได้ว่าเสมือนกับ ชักพาสายน้ำนับหมื่นสายให้บรรจบกลายเป็นธารน้ำใหญ่
สุ่มเสียงเย็นของเย่หยวนประดุจคมมีดสับ บริเวณจุดบรรจบของสายน้ำเหล่านั้น
รสชาติชนิดแบบนี้ประดุจขัดขากันอย่างแรง
สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่พลันแปรเปลี่ยน น้ำเสียงเอ่ยกล่าวเยือกเย็นยิ่งยวด
“เย่หยวน! เจ้าหมายความอย่างไร?”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวแสดงท่าทีไร้เดียงสาโต้ตอบ
“ข้าทำอะไรงั้นรึ? โอ้ พอดีข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายคอเล็กน้อย จึงกระแอมเค้นเสียงออกมา หรือตอนนี้เองผู้อาวุโสใหญ่เองก็รู้สึกไม่ค่อยสบายคอนัก?”
“เจ้า!”
หรงซูโกรธเกรี้ยวจัดจนใบหน้ามืดทมิฬลง แต่ความจริงแล้ว เขากลับมิอาจเสาะหาถ้อยคำใดมาหักล้างได้เลย
เหล่าผู้อาวุโสที่เหลือกลั้นขำจนหน้าแดงก่ำ เย่หยวนคนนี้ช่างปั่นประสาทเกินไปจริงๆ
แต่เรื่องนี้ ผู้อาวุโสใหญ่ไปปฏิบัติตามกฎก่อน ไม่มีใครสามารถกล่าวโทษได้
แม้วาจาของเย่หยวนจะมิได้ถึงขั้นทำให้ซงฉีหยางเสียสมาธิทั้งหมดไป แต่อย่างไรก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพโอสถอย่างยิ่ง
“เกิดอะไรขึ้นกับข้า? หรือเป็นไปได้ไหมว่าข้ากระทำอันใดผิดไป? ถึงทำให้ผู้อาวุโสใหญ่บันดาลโทสะปานนี้?”
เย่หยวนเอ่ยกล่าวพร้อมสีหน้าไร้เดียงสาดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ใดๆ
สีหน้าของหรงซูดูมืดทมิฬลงอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกัน เขาปริปากเค้นเสียงขรึมยิ่งว่า
“ผู้อาวุโสเย่ เจ้าเก่งมาก! เก่งมากจริงๆ! คล้อยหลังจากนี้ เราจะได้เห็นกันเสียทีว่า เจ้าจะมีความสามารถแกร่งกล้าปานใด!”
เย่หยวนยิ้ม กล่าวตอบว่า
“ได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสใหญ่ทั้งที โอกาสเช่นนี้มิได้มีมาอยู่บ่อยครั้ง เราผู้อาวุโสยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
ท่ามกลางบรรยากาศอันเย็นสะท้านปะทะคารมปานนี้ โอสถของศิษย์ทุกคนก็ถูกหลอมกลั่นกันเสร็จสมบูรณ์
เหล่าศิษย์ที่ผ่านเข้าถึงรอบสามสิบคนสุดท้ายได้ จุดแข็งของพวกเขาล้วนโดดเด่นอย่างยิ่ง
แม้ว่าโอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธจะหลอมกลั่นยากเข็ญ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหลอมกลั่นได้เลย
“เปิดหม้อหลอม! เหล่าผู้อาวุโสโปรดตรวจสอบเม็ดโอสถ!”
ผู้ดดูแลที่เป็นกรรมการเอ่ยกล่าวเสียงดังฟังชัด
ทุกคนต่างเปิดหม้อหลอมของตนออกมา โอสถเม็ดแล้วเม็ดเล่าบินเหินออกมา
เมื่อหนิงซื่ออวี๋เห็นโอสถจิตสวรรค์วชิระพิโรธของตน นางก็อดดีใจมิได้
นางทำได้จริงๆ!
ขั้นสูงสุด!
เพียงอีกก้าวเดียวก็สามารถทะลวงขึ้นเป็นขั้นยอดเยี่ยมได้!
กลุ่มผู้อาวุโสเดินลงมาจากบนอัฒจันทร์สูง เมื่อเห็นโอสถสีแดงทับทิมเป็นประกายของหนิงซื่ออวี๋ ชั่วขณะทันที ทุกคนอดตื่นตะลึงมิได้
พวกเขาหรือจะคาดหวังว่าหนิงซื่ออวี๋จักสามารถหลอมกลั่นได้ถึงขั้นสูงสุด?
“ดูเหมือนว่ารอบนี้จะค่อนข้างชัดเจนมากแล้ว หนิงซื่ออวี่คว้าอันดับหนึ่งในบรรดาทั้งสามสิบคน!”
ผู้อาวุโสกล่าวขึ้น
เหล่าผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งต่างแห่เข้ามาแสดงความยินดีต่อหน้าซวนอี้
“ผู้อาวุโสรองขอแสดงความยินดีด้วย! หนึ่งในสิบสิทธิ์ที่จะเข้ารับตำแหน่งในหอโอสถครั้งนี้ เป็นของศิษย์เชื้อสายท่านแล้ว! นี่นับว่าน่าทึ่งโดยแท้!”
ขณะเดียวกัน ซวนอี้คลี่ยิ้มกล่าวหันมากล่าวว่า
“แค่โชคดีเท่านั้น ทั้งหมดต้องขอบคุณผู้อาวุโสเย่เป็นอย่างยิ่ง!”
ซวนอี้ย่อมรู้สึกยินดีปรีใจเป็นธรรมชาติ แต่เขาก็ทราบดี ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของเย่หยวน และมิได้เกี่ยวข้องกับตัวเขาเลย
หลายปีมานี้ถูกผู้อาวุโสใหญ่กดขี่รังแกมาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ได้ระบายความในใจออกมาจนหมดสิ้น
ผู้อาวุโสใหญ่เดินลงมาตรวจดูโอสถของทุกคนเพียงเที่ยวเดียว และขึ้นกลับไปยังอัฒจันทร์สูงในทันที เขายังมีหน้ายืนอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร?
เสียงอุทานของเย่หยวนที่ดังขึ้นชั่วขณะ ทำให้โอสถของซ่งฉีหยางกลายมาเป็นขั้นต่ำ
แล้วโอสถขั้นต่ำจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะติดสิบอันดับแรกได้อย่างไร?
ซ่งฉีหยางยามนี้ หายไปไหนไม่ทราบ เขาเองก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
วันนี้เขาเสียหน้าโดยสมบูรณ์
หลังจากผ่านไป หนึ่งชั่วยามเต็ม ลวี่อี้ และ ติงซุนเองก็ได้รับสิทธิ์เข้าสู่หอโอสถได้สำเร็จเช่นกัน
เมื่องานประลองจบลง หรงซูลุกขึ้นพรวดสุดเหลืออด คำรามเสียงเย็นว่า
“ผู้อาวุโสเย่ ถึงตาพวกเราแล้ว!”
เย่หยวนค่อยๆลุกขึ้นกิริยาแสนใจเย็น ยิ้มกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสใหญ่ดูตื่นเต้นเสียจริง ระวังส่งผลกระทบต่อสมาธิของท่านเอาได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...