“ปรากฏว่าเป็นผู้อาวุโสแห่งตระกูลหนิง! หนิงลี่เซียว! สวรรค์! เขาใจใหญ่นักถึงขั้นเพิ่มราคารวดเดียวห้าร้อยล้าน!”
“ตระกูลหนิงต้องการมอบลูกพลัมคืนกลับเป็นลูกท้อกระมัง? คิดใช้โอกาสนี้สร้างสัมพันธ์กับผู้อาวุโสเย่?”
“สองพันล้านเพื่อซื้อโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเพียงเม็ดเดียว! บ้า! บ้าบิ่นเกินไป!”
…
ชือซ่งคาดไม่ถึงเลยว่า จะมีคนเข้ามาขวางทางเช่นนี้ เขาเหลือบมองหนิงลี่เซียวเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ
ชือซ่งกัดฟันประกาศก้องไปว่า
“สองพันหนึ่งร้อยล้าน!”
“สองพันห้าร้อยล้าน!”
หนิงลี่เซียวเกทับเพิ่มไปอีกสี่ร้อยล้านชนิดไม่แยแสแม้สักนิด
สีหน้าการแสดงออกของซือซ่งแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหันควับกล่าวกับหนิงลี่เซียว น้ำเสียงขรึมว่า
“หนิงลี่เซียว! เจ้าเสียสติไปแล้วรึไง! ราคาสูงปานนี้กลับไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใด!”
หนิงลี่เซียวกล่าวตอบเสียงเย็นว่า
“ที่ข้ากล่าวไปเพราะเห็นว่าราคาคุ้มค่ายิ่งแล้ว! ชือจรือโหย่งต้องการมัน เทียนปิงเองก็ต้องการเช่นเดียวกัน! หยุดพร้อมหากไม่กล้าสู้!”
สีหน้าของซือซ่งดูรวนเรไม่หยุดหย่อน เขากัดฟันแน่นกล่าวขึ้นว่า
“สองพันหกร้อยล้าน! หนิงลี่เซียว หากเจ้าแน่ใจก็เสนอให้ถึงสามพันล้าน!”
หนิงลี่เซียวเหลือบมองเขาก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า
“สามพันห้าร้อยล้าน!”
“ฟู่วว…”
ทุกคนต่างสูดไอเย็นแช่มไม่หยุดหย่อน พวกเขาคาดการณ์กันได้แต่แรกแล้วว่า มูลค่าของโอสถสุริยันจักรวาลนี้จักต้องสูงมาก แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าราคาจะสูงปานนี้!
มูลค่ากว่าสามพันห้าร้อยล้าน พวกเขาสามารถนำไปซื้อสมบัติราชันพระเจ้าที่มีตำหนิได้แล้ว
อย่างไรเสีย นี่กลับแลกมาด้วยโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเพียงเม็ดเดียว!
สีหน้าการแสดงออกของชือซ่งแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เขากล่าวอย่างไร้ความสุขขึ้นว่า
“หนิงลี่เซียว ใจคอเจ้าโหดเหี้ยมเกินไป! โอสถสุริยันจักรวาลเม็ดนี้เป็นของเจ้า!”
หนิงลี่เซียวประสานมือ เอ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า
“ท่านพี่ชือซ่ง ขอบคุณที่เปิดทางให้”
“สามห้าร้อยพันล้าน! ตระกูลหนิงเสนอราคาตั้งสามพันห้าร้อยล้านเชียว! ราคาสูงกว่านี้มีใครกล้าต่อกรหรือไม่!”
ผู้ดูแลจางชะงักค้างแข็งไปชั่วขณะ สายตาของเขากวาดมองฝูงชนเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นทันทีว่า
“สามพันห้าร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง! สามพันห้าร้อยล้านครั้งที่สอง! สามพันห้าร้อยล้านครั้งที่สาม! ปิดประมูล! โอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะเม็ดแรกในประวัติศาสตร์ของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ตกเป็นของตระกูลหนิง!”
เสียงค้อนทุบปิดประมูลดังลั่น!
ทุกคนยังคงตกอยู่ในภวังค์ท่ามกลางความตกตะลึง พร้อมอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่เคยมีโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดใดที่มีราคาขายสูงถึงสามพันห้าร้อยล้าน!
พวกเขาล้วนรู้สึกว่า ตระกูลหนิงครั้งนี้ถูกเอาเปรียบเกินไปหน่อย
แม้ว่าโอสถเม็ดนี้นับเป็นหนึ่งในล้าน แต่ราคาตั้งสามพันห้าร้อยล้าน คิดอย่างไรก็ไม่คุ้มค่าเลย
อย่างไรเสีย หนิงลี่เซียวก็มองข้ามเรื่องเหล่านั้นไปโดยชัดเจน
หลังจากที่ได้รับโอสถเม็ดนั่นไป เขาก็ประสานมือกล่าวกับเย่หยวนด้วยรอยยิ้มว่า
“ผู้อาวุโสเย่ หลายวันมานี้ซืออวี๋อยู่ภายใต้การดูแลของท่าน ข้าขอเป็นตัวแทนตระกูลหนิง กล่าวขอบพระคุณท่านไม่รู้จบ”
หนิงลี่เซียวผู้นี้นับว่าฉลาดแยบยลมาก แม้ว่าเขาจะซื้อโอสถด้วยเงินกว่าสามพันล้าน แต่เขาก็มิได้มีเจตนาเรียกร้องความดีความชอบจากเย่หยวนเลย
ราวกับว่าโอสถมูลค่านี้สมควรกับราคาสามพันห้าร้อยล้านแล้ว เขามิได้ทำไปเพื่อสายสัมพันธ์กับเย่หยวน
ในความเป็นจริง ตระกูลหนิงให้ความสำคัญกับหบิงซืออวี๋เป็นอย่างมาก
ตระกูลหนิงนับว่ามีอำนาจอิทธิพลอย่างมากในหอยุทธ์ แต่อิทธิพลในหอโอสถแทบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้
ไม่น่าแปลกใจที่ไฉน พวกเขาให้ความสำคัญกับอัจฉริยะด้านโอสถมากกว่าด้านการต่อสู้
แต่สิ่งที่ทำให้ตระกูลหนิงปวดเศียรที่สุดคือ หนิงซืออวี๋วันๆเอาแต่ขี้เกียจ ไม่คิดที่จะฝึกปรือพัฒนาตนเอง
แต่วันนี้ตระกูลหนิงได้เห็นฝีไม้ลายมือของหนิงซื่ออวี๋เต็มตา กล่าวได้ว่านางพัฒนาขึ้นยิ่งกว่าก้าวกระโดด จนสมาชิกทุกคนของตระกูลหนิงต่างมีความสุขอย่างยิ่ง พวกเขาดีใจอย่างมากที่เห็นแบบนั้น
จนถึงตอนนี้ยังมีใครกล้ากังขาอีกว่า หนิงซื่ออวี๋ได้รับการฝึกอบรมพิเศษจากเย่หยวนจริงๆหรือไม่?
นอกจากเย่หยวนผู้ทรงพลังปานนี้ ยังมีใครสามารถเปลี่ยนหนิงซื่ออวี๋เป็นคนละคนได้ภายในเวลาสิบวัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...