พลังวิญญาณอันมหาศาลนี้มันทำให้ผู้คนที่พบเจอต้องรู้สึกใจสั่นระรัวอย่างช่วยไม่ได้
นั่นทำให้ยิ่งมีคนมามุงดูที่นี่กันมากขึ้นและมากขึ้นเพื่อจะดูว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“น-นั่นมันผู้อาวุโสเย่เรอะ?”
“ผู้อาวุโสเย่? ผู้อาวุโสเย่ไหน?”
“จะมีผู้อาวุโสเย่ที่ไหนอีกเล่า? มันก็มีแต่ผู้อาวุโสเย่ที่หลอมโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะไว้เมื่อร้อยปีก่อนไง!”
“จริง ๆ ด้วย! เขา…ไม่ใช่ว่าเขาตายในห้วงมิติสืบทอดไปแล้วรึ? ทำไมถึงปรากฏตัวออกมาได้แบบนี้?”
“เจ้าจะโง่อะไรขนาดนั้นกัน? การที่เขาออกมาจากหอยุทธ์แบบนี้มันก็หมายความว่าเขาสามารถรอดออกมาจากห้วงมิติสืบทอดได้ยังไงล่ะ! เจ้าดูเขาสิ อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าธรรมดา ๆ ที่ไหนจะสามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศได้แบบนั้นกัน?”
“บ้าน่า! นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว! เวลาร้อยปีที่ผ่านมาผู้คนลืมเลือนเขาไปหมดแล้ว คงไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกลับออกมาได้แบบนี้แน่นอน! เขาเป็นคนแรกที่สามารถรอดกลับมาจากห้วงมิติสืบทอดได้เลย!”
…
เมื่อทุกคนเริ่มจำได้ว่าร่างที่ลอยอยู่นั้นคือเย่หยวน พวกเขาก็ต่างแตกตื่นกันยกใหญ่
เพราะตั้งแต่บรรพบุรุษทิ้งห้วงมิติสืบทอดนี้ไว้มันก็ไม่มีใครสามารถรอดออกมาจากที่แห่งนั้นได้เลย
แต่ทว่าตอนนี้ เมื่อทุกคนคิดว่าเขาได้ตายลงในนั้นไปแล้ว ตัวเย่หยวนกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย!
แค่การปรากฏตัวนี้ของเขามันก็ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะเทือน!
และเรื่องราววุ่นวายที่เกิดในตอนนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจของเย่หยวนเสียด้วยซ้ำ แต่ความรู้ความเข้าใจที่เขามีในแนวคิดมันเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากมายในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา
แต่หากไร้ซึ่งน้ำ แม่น้ำก็ไม่มีทางไหล ภายในห้วงมิติสืบทอดนั้นมันมีพลังวิญญาณเบาบางจนเกินไป ทำให้เย่หยวนไม่สามารถบรรลุระดับขั้นใด ๆ ได้เลยในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา มันเหมือนกับเป็นการกดอาณาจักรบ่มเพาะของตัวเองไว้อย่างแรง
แต่ตอนนี้พอเขาได้ออกมาเจอกับพลังงานอันหนาแน่นของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ชั้นใน มันก็ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป จึงเริ่มทำการบรรลุอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาเช่นนี้
ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนนั้นเหมือนทะเลสาบที่แห้งเหือดซึ่งพร้อมจะรับน้ำฝนทุกหยดที่ตกลงมา
และพลังวิญญาณที่เขาได้เห็นในตอนนี้มันก็เป็นเหมือนฝนห่าใหญ่ที่ไม่ได้ตกมานาน น้ำฝนจึงถูกดูดซับไว้อย่างเต็มแรง
หากเป็นใครคนอื่น การดูดกลืนพลังงานวิญญาณที่รุนแรงเช่นนี้มันคงทำให้เส้นปราณทั่วร่างของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้ว
แต่เย่หยวนนั้นกลับรู้สึกว่าพลังงานวิญญาณเพียงเท่านี้มันไม่มากพอเสียด้วยซ้ำ ไม่พอเลยสักนิด
พลังวิญญาณเพียงแค่นี้มันไม่พอที่จะรองท้องความกระหายของเขาเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักเรื่องมันก็ไปถึงหูของเหล่าผู้ใหญ่ในหอโอสถและหอยุทธ์
หรงซูมองดูเงาร่างนั้นที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ดูไม่สู้ดี
เป็นไปได้ยังไงกัน? เป็นไปไม่ได้! เขาตายในห้วงมิติสืบทอดไปแล้ว ทำไมยังมาอยู่ที่นี่อีก? ทำไม?! หรงซูได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ
การกลับมาในครั้งนี้ของเย่หยวนมันเป็นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงกลางหัวของเขา!
นักหลอมโอสถที่สามารถหลอมโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะได้ การทดแทนตัวตนเช่นนี้ในอนาคตนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
แต่เขาไม่ได้ต้องการให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไม่ไกลไปนักเหล่าผู้อาวุโสหลายคนก็มีสีหน้าที่อธิบายได้ยากอยู่
“นั่นมันผู้อาวุโสเย่จริง ๆ ด้วย! เขาออกมาจากหอยุทธ์! หรือเขาจะสามารถเข้าใจแนวคิดแห่งห้วงมิติได้แล้วกัน? พรสวรรค์เช่นนี้มันจะไม่ท้าทายสวรรค์เกินไปหน่อยรึ?”
“ใช่เลย! ความสามารถในด้านการหลอมโอสถของเขาเองก็สูงส่งมากจนทำให้ผู้ที่พบเห็นต้องสิ้นหวังอยู่แล้ว ใครจะไปคาดคิดว่าพรสวรรค์ด้านการยุทธ์ของเขาเองก็เหนือล้ำฟ้าเช่นกัน”
“มรดกที่สืบทอดมาในห้วงมิติสืบทอดมันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำความเข้าใจได้ แต่ชายคนนี้กลับสามารถทำมันได้จริง ๆ ช่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
“หืม? ใครน่ะ? หน้าตาไม่คุ้นเลย!”
จู่ ๆ เหล่าผู้อาวุโสก็ได้เหลือบไปเห็นเงาร่างอีกร่างในชุดคลุมสีดำภายในหอยุทธ์
ชายชุดดำคนนี้กำลังเงยหน้ามองดูเย่หยวนที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ดวงตาของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจริง ๆ แล้วเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่จู่ ๆ ก็มีใครบางคนเดินเข้าไปหาและตะโกนใส่ชายชุดดำ “เจ้าเป็นใครกัน? ไม่รู้รึไงว่านี่เป็นเขตหวงห้ามของหอยุทธ์? เจ้ารู้ไหมว่าการบุกเข้ามาในเขตหวงห้ามนี้ต้องรับโทษยังไง?”
เล่งหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะฟาดฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...