ดาราสวรรค์ตอบกลับมา “นั่นแหละ! ตอนนั้นเจ้าเด็กบรรพกาลราตรีปลอมตัวเป็นปีศาจ รูปร่างของมันดูไม่คล้ายกับเจ้าเด็กคนเมื่อกี้หรือ?”
ตี้เอิ่นหลับตาลงทันทีที่ได้ยิน ไม่นานนักเขาก็พูดขึ้นมาต่อ “หากเจ้าไม่บอกข้าก็คงจำไม่ได้ มันเป็นเจ้าเด็กนั่นจริงๆ ด้วย!”
มันไม่ใช่เพราะว่าตี้เอิ่นเป็นคนขี้ลืมหรืออะไรแบบนั้น แต่เย่หยวนตอนเป็นมนุษย์กับเย่หยวนตอนปลอมตัวเป็นปีศาจมันมีท่าทางและรูปแบบพลังแตกต่างกันมาก
บวกกับเรื่องที่เย่หยวนตัดแปลงรูปร่างตัวเองไปนิดหน่อยด้วยแล้ว มันจึงทำให้ตี้เอิ่นจำเขาไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของดาราสวรรค์เขาก็จำได้ขึ้นมาทันที
ตี้เอิ่นตะโกนขึ้น “หยุดก่อน! กลับไปตรวจสอบดูอีกรอบ!”
ด้วยตำแหน่งของตี้เอิ่นที่มีในทัพ ทำให้คำพูดของเขามีความหมายมาก
ทำให้ผู้นำทัพอีกคน เชียนอันถามขึ้น “มีเรื่องอันใดตี้เอิ่น? เจ้าจะบอกว่าพวกมนุษย์มีปัญญารอดออกมาจากค่ายกลเมฆาปีศาจกลืนกินวิญญาณได้อย่างนั้นหรือ?”
ตี้เอิ่นจึงตอบไป “หากมันเป็นแค่คนพวกนั้นก็คงไม่มีทาง! แต่ตอนนี้ในกลุ่มพวกมันมีตัวแปรที่น่ากลัวอยู่ด้วย!”
เชียนอันที่ได้ยินแบบนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที “เจ้าหมายถึงคนที่พวกเจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้น่ะหรือ? แต่แค่อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าจะเก่งกาจปานนั้นเชียว?”
และเป็นดาราสวรรค์ที่สวนขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะ “มันทำให้เมืองจักรพรรดิกล้วยไม้อริยะและโถงโลหิตมรณะกลายเป็นแค่ของเล่นในกำมือของมัน พร้อมขโมยสมบัติออกไปก่อนที่จะหนีไปได้ด้วย เจ้าคิดว่ามันน่ากลัวไหมล่ะ?”
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าโถงบัลลังก์ม่วงมีค่าแค่ไหน แต่พวกเขาก็รู้ดีว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่ง
คำพูดนั้นทำให้เชียนอันพูดขึ้นมาด้วยท่าทางประหลาดใจ “เจ้าเด็กคนนี้คือคนที่ทำให้พวกเจ้าต้องสูญเสียในครั้งนั้นรึ?”
ดาราสวรรค์จึงตอบกลับไป “เจ้าเด็กเวรนั่น ต่อให้มันปลอมตัวเป็นฝุ่นข้าก็ยังจำมันได้! คราวนี้แหละที่ข้าจะไปสอนให้มันรู้จักคำว่า ‘สิ้นหวัง’”
…
“ไปไกลๆ เดี๋ยวนี้!”
ในหมอกสีแดงนั้น เกาหยุนมีดวงตาสีแดงก่ำ ตอนนี้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว
ค่ายกลนี้มันช่างทรงพลัง ทั้งๆ ที่มีจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ระดับเขา แต่เกาหยุนกลับไม่สามรถต้านทานมันไว้ได้
แม้ว่าเขาจะพยายามลืมตาตั้งสติไว้แค่ไหน สติของเขาก็ยังค่อยๆ หลุดลอยออกไปเรื่อยๆ
“ให้ตายสิ! ข้าคนนี้เอาตัวรอดมาได้ในทุกสถานการณ์ นี่ต้องมาตายลงด้วยค่ายกลโง่ๆ แบบนี้หรือ?”
เกาหยุนได้แต่ร่ำร้อง เขาอยากจะออกไปจากค่ายกลนี้เสียเหลือเกิน แต่สติของเขากลับเลือนลางไปเรื่อยๆ อย่างหยุดไม่ได้
ตู้ม!
จู่ๆ ก็เกิดเสียงเหมือนอะไรสักอย่างระเบิดดังขึ้น เป็นวินาทีนั้นเองที่เกาหยุนรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของตัวเองเริ่มสบายขึ้น และค่อยๆ กลับมาตั้งสติได้
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันนี่? ข้าทำอะไรลงไป?”
“อ่า! ศิษย์น้อง ใครกันที่มันฆ่าเจ้า? ข้า… ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าให้จงได้!”
“นี่มัน… ผู้อาวุโสเย่ช่วยเราไว้!”
…
ไม่ไกลไปนัก ตอนนี้ที่ข้างๆ กายเย่หยวนมีฐานค่ายกลที่ถูกทำลายลงอยู่
และที่รอบๆ เองก็มีอีกหลายฐานที่ถูกทำลายลง
มันชัดเจนมากว่าผู้ที่ทำลายค่ายกลลวงคือเย่หยวนนี่เอง
“ขอบพระคุณมาก… ขอบพระคุณมากผู้อาวุโสเย่ที่ช่วยชีวิตพวกเรา!”
“ต้องขอบคุณผู้อาวุโสเย่ ไม่เช่นนั้นเราคงถูกสังหารหมู่ไปแล้ว!”
“ผู้อาวุโสเย่นั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ชายแก่คนนี้ขอคารวะ!”
…
ตอนนี้เหล่ายอดฝีมือที่รอดออกมาจากค่ายกลได้ต่างเข้ามาขอบคุณเย่หยวนกันเป็นการยกใหญ่
เพราะหากไม่มีเย่หยวน พวกเขาก็คงต้องตายลงโดยที่ยังไม่ได้ทันได้สู้ศัตรูเสียด้วยซ้ำ
สิ่งเดียวที่ทุกคนยังคาใจอยู่ก็คือทำไมเย่หยวนถึงไม่โดนผลของค่ายกลไปด้วย?
เหตุผลนั้นง่ายดาย เพราะว่าค่ายกลนี้มันจะเข้าไปปั่นป่วนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่เย่หยวนนั้นมีไข่มุกสยบวิญญาณคอยป้องกันจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองไว้ มีหรือที่ค่ายกลแบบนี้จะทำอะไรเขาได้?
แถมเย่หยวนยังมีเนตรสุริยันจันทราเทวะที่มองทะลุผ่านภาพมายาได้ทุกชนิด ทำให้เขาสามารถเห็นฐานของค่ายกลได้อย่างง่ายดาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...