เพราะหากเทียบกับการเอาชีวิตเย่หยวนแล้วการหาสมบัตินั้นเป็นเรื่องที่สำคัญกว่ามากอย่างไร้ข้อเปรียบ
เหตุผลเดียวที่พวกเขาคิดจะฆ่าเย่หยวนมาแต่แรกก็เพราะพวกเขาคิดว่าเย่หยวนนั้นอ่อนแอ เป็นเป้าหมายที่จัดการได้ง่ายดาย
แต่ใครจะคิดล่ะว่าเย่หยวนจะแข็งแกร่งปานนี้ สามารถรับมือกับยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าห้าคนได้ด้วยตัวคนเดียว แถมยังสังหารไปได้อีกตั้งหนึ่งคนหนึ่ง
ด้วยพลังฝีมือขนาดนี้ยังจะมีใครกล้าดูถูกเขาอีก?
เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวหรืออาณาจักรราชันพระเจ้าเก้าดาว แต่คนส่วนใหญ่ที่มาล้วนแล้วแต่เป็นนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามถึงสี่ดาวทั้งนั้น
ต่อให้พวกเขาจะเก่งกาจกว่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวธรรมดาๆ มากแค่ไหน มันก็ยังไม่ได้ห่างชั้นจนมองข้ามตัวตนของเย่หยวนไปได้
หากเข่นฆ่ากันต่อไปแบบนี้ ทั้งสองฝ่ายมีแต่จะต้องสูญเสียอย่างหนักหน่วง ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยแม้แต่นิด
เจิ่งชีจึงพูดเยาะออกมา “ไอ้คนแก่ไร้สมอง เจ้ามันผันตัวเข้ากับพวกปีศาจเพื่อทำร้ายพวกพ้องเผ่าพันธุ์ตัวเอง! รอให้พวกเราออกได้ก่อนเถอะ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะตอบคำถามคนทั่วหล้ายังไง”
แต่เกาหยุนกลับตอบมาอย่างไม่แยแสใดๆ “เรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าได้ออกไปจากที่นี่!”
หลิงจี้คุนเองก็ไม่ได้อยากจะสู้กันจนตายไปข้างมาแต่แรกแล้ว เขาจึงขึ้นมาช่วยเป็นตัวกลางให้ “ไหนๆ มันก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้เราก็มาหยุดพักรบกันไว้ก่อน ให้ทุกคนได้มีโอกาสออกไปหาสมบัติด้วยกัน! เย่หยวน เจ้ามีข้อโต้แย้งอะไรไหม?”
พูดจบเขาก็หันไปหาเย่หยวน
แน่นอนว่าความเห็นของเย่หยวนนั้นสำคัญที่สุดในการตัดสินเรื่องราวครั้งนี้
เย่หยวนพยักหน้ารับและตอบกลับมา “ข้าไม่มีอะไรจะแย้ง”
เมื่อทุกคนได้เห็นแบบนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
วันนี้พวกเขามาหาสมบัติ ไม่ได้มาเพื่อทำสงครามเสี่ยงชีวิต
หากสุดท้ายพวกเขาไม่ได้เจอสมบัติ การตายไปตรงนี้มันก็คงมีแต่ความเสียเปล่า
ดาราสวรรค์พูดขึ้น “ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็เริ่มออกเดินทางกันเถอะ!”
แต่เย่หยวนกลับขัดขึ้น “หากข้าเป็นพวกเจ้า ข้าจะหยุดพักรักษาตัวกันก่อน”
ดาราสวรรค์ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเยาะเย่หยวนออกมา “เด็กน้อย เรื่องอะไรข้าต้องฟังเจ้าด้วย?”
เย่หยวนจึงได้แต่ยักไหล่ตอบกลับไป “งั้นก็จงไปเถอะ ข้ายังไม่อยากออกไปหาที่ตายหรอก”
และเป็นตี้เอิ่นที่เข้ามาห้ามดาราสวรรค์ก่อนจะหันไปถามเย่หยวน “ตอนนี้พวกเราทั้งหลายนั้นเหมือนมดในรังเดียวกันแล้ว หากเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรทำไมไม่พูดมันออกมาเล่า?”
เย่หยวนได้แต่กลอกตาตอบ “เจ้าสิมดปลวก! ตระกูลเจ้ามันมีแต่มดปลวกทั้งนั้น แล้วใครอยู่รังกับเจ้า? อย่าคิดว่าข้าผู้นี้จะไม่รู้เชียวว่าเจ้าคิดวางแผนอะไรกันไว้ อยากหลอกลวงข้าเรอะ? ไม่มีทางเสียล่ะ!”
ตี้เอิ่นแทบสำลักหลังได้ยินแบบนั้น ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเด็กคนนี้มันช่างฉลาดเฉลียวแยบยล แผนการของพวกเขากลับถูกเปิดเผยออกมาด้วยคำพูดเดียวของเขา
มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะปล่อยเย่หยวนไปง่ายๆ เช่นนี้ ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสพวกเขาก็จะทำทุกทางเพื่อกำจัดเย่หยวน
มันเป็นเพราะว่าตอนนี้เป้าหมายของทุกผู้คนต่างเป็นการตามหาสมบัติ นั่นจึงทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์ในตอนนี้ยังอยู่ร่วมกันได้
“ตอนนี้ฝูงหนูยักษ์แทะกระดูกที่ตามเรามาได้หายไปแล้ว มันไม่ได้หมายความว่าพวกมันตามความเร็วเราไม่ทัน แต่มันเป็นเพราะว่าข้างหน้ามีบางอย่างที่ทรงพลังจนพวกมันกลัวอยู่ต่างหากเล่า! เอาจริงๆ ตอนนี้เราอาจจะอยู่ในเขตแดนของมันแล้วก็ได้!” เย่หยวนบอกทุกคน
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันเปลี่ยนให้ทุกคนหน้าซีดลงได้อย่างฉันพลัน
เพราะเมื่อสักครู่พวกเขาวิ่งหนีกันมาอย่างไม่คิดชีวิตโดยที่ไม่มีใครทันคิดเรื่องนี้เลย
แต่ตอนนี้พอได้ยินคำเตือนของเย่หยวน มันจึงทำให้พวกเขาได้สติขึ้น
ตึบ! ตึบ! ตึบ!
เย่หยวนยังพูดไม่ทันขาดคำเสียงฝีเท้าของบางอย่างก็ดังขึ้น ปรากฏร่างของเต่าขนาดมหึมาต่อสายตาของทุกผู้คน
เมื่อทุกคนได้เห็นร่างของเต่าตัวนี้ สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเซียวลงในทันที
เพราะเต่าตัวนี้มันปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงมากออกมา แค่ดูก็รู้ได้ว่ามันอยู่ในระดับสี่ขั้นปลาย
หากพวกเขาไม่ถูกกดพลังไว้ มันก็อาจจะยังพอมีทางสู้
แต่ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างเกาหยุนกลับมีพลังเทียบแค่อาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาว
ที่สำคัญเขายังบาดเจ็บหนักจนต่อสู้ไม่ได้มากมายนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...