เย่หยวนนั้นคืออนาคตและความหวังของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ แต่กลับต้องมาถูกคนเช่นนี้สังหารลงง่ายๆ
พวกเขาทั้งหลายกล้าที่จะโกรธแค้น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูด
เพราะข่านซัวนั้นแข็งแกร่งจนเกินไป!
หากตอนนี้ไม่มีซ่งหยูอยู่ ข่านซัวคงจัดการสังหารคนของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ตามไปพร้อมๆ กันแล้ว
แต่การสังหารเย่หยวนคนเดียวและสังหารพวกเจิ่งชีทั้งหมดนั้นมันคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง
เรื่องนี่ข่านซัวก็เข้าใจดี เขาจึงไม่ได้คิดที่จะลงมือทำอะไรอีก
“จัดการแมลงเจ้าปัญหาได้แล้ว ไปกันเถอะ” ข่านซัวบอกออกมาอย่างไม่คิดจะสนใจ ราวกับว่าเรื่องที่เขาทำไปนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในโลกหล้า
พวกซ่งหยูจึงพยักหน้ารับและมุ่งหน้าตามข่านซัวไป
ทั้งสามคนโจมตีออกไปด้วยระหว่างทาง ส่งร่างของเต่าดำแม่เหล็กอนันต์กระเด็นไปไกลจนมันไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อต้านใดๆ พวกเขาได้อีก
แต่ทว่าพลังป้องกันของเต่าดำแม่เหล็กอนันต์นั้นมันก็ช่างแข็งแกร่ง แม้จะโดนกระหน่ำโจมตีหนักแค่ไหน มันก็ยังไม่แสดงทีท่าว่าใกล้จะสิ้นใจออกมาเลย
พลังของยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันทำให้ผู้คนที่ได้เห็นต้องตกตะลึง ตอนนี้พวกเขาได้เห็นภาพอย่างชัดเจนแล้วว่าอาณาจักรนภาสวรรค์มันแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันแข็งแกร่งเกินกว่าจะมีใครต้านทานจริงๆ
ต่อให้พลังการบ่มเพาะของพวกเขาถูกกด แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งและเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างไร้ความกังวล
ไม่นานนักเงาร่างของคนทั้งสามก็หายลับไปจากสายตาของทุกผู้คน
สีหน้าของเกาหยุนนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้งในตัวเอง หลังลังเลอยู่อีกนิดหน่อยเขาก็เร่งฝีเท้าตามเข้าไปในหุบเขา
ส่วนอีกหลายๆ คนที่เหลือเลือกที่จะหยุดและไม่ลงมือทำเรื่องใดๆ ต่ออีก พวกเขาเริ่มนั่งตั้งสติอยู่กับที่
“ผู้อาวุโสใหญ่ เราจะเอายังไงกันดี?” หนิงเทียนปิงกล่าวขึ้นถามเจิ่งชี
เจิ่งชีนั้นมีใบหน้าเสียใจถึงขั้นสุด “ข้าทำผิดต่อเย่หยวน! ข้าไม่ควรพาเขาลงมายังที่แห่งนี้ด้วยเลยจริงๆ ตอนนี้… ข้าจะต้องทำยังไงต่อไปดี?”
หนิงเทียนปิงจึงพูดขึ้น “ผู้อาวุโสใหญ่ เรื่องนี้หาใช่ความผิดท่านไม่ มันเป็นความผิดเผ่าปีศาจทั้งนั้น!”
เจิ่งชีกัดฟันแน่น “ข้าเกลียดตัวเอง! ศัตรูของท่านอาจารย์อยู่ตรงหน้าข้าแท้ ๆ แต่ข้ากลับทำอะไรมันไม่ได้! แถมตอนนี้เย่หยวนยังถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตาข้าง แต่ข้ากลับไม่มีปัญญาจะแก้แค้นให้เขา! ข้ามัน… ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ”
ความเสียใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ทั้งหมด พวกเขาทั้งหลายต่างมีความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก
ทุกคนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีฝุ่นผงก้อนหนึ่งกำลังลอยผ่านหน้าพวกเขาไป ลอยเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขา
…
ร่างทั้งสามนั้นบินเข้ามาลึกในหุบเขา
“เด็กคนเมื่อกี้ ดูท่ามันจะยังมีความลับอะไรซ่อนไว้อีกเยอะ น่าเสียดายที่ต้องตายลงแบบนั้น” ซ่งหยูบอก
“แน่นอนสิ! เด็กคนนั้นมันสามารถปลอมตัวเป็นเผ่าปีศาจได้อย่างแนบเนียนจนไม่มีใครจับสังเกตมันได้ เรียกทำนองแห่งยอดเต๋า แถมตอนนี้ยังบรรลุแนวคิดแห่งห้วงมิติอีก คงอย่างมันจะไม่มีความลับใดๆ ซ่อนอยู่ได้อย่างไร?” ข่านซัวบอก
“ทั้ง ๆ อย่างนั้นเจ้ากลับสังหารมันลงง่ายๆ อย่างนั้น?” ซ่งหยูสวน
“หรือยังไง? เจ้าจะปล่อยให้ข้าพาตัวของมันไปต่อหน้าต่อตาเจ้ารึ?” ข่านซัวถามกลับมา
“เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้!” ซ่งหยูตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็จบเรื่องกันได้แล้ว! ด้วยความสามารถของมันรีบๆ ตายไปก่อนจะดีกว่า! ต่อให้ข้าจะมีโอกาสรีดความลับของมันได้ แต่ข้านั้นรักชีวิตตัวเองมากกว่า บางทีอาจจะไม่ต้องให้มันขึ้นถึงอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็อาจจะมาตามล่าข้าแล้วก็ได้” ข่านซัวหรี่ตาพูดออกมา
ใช่แล้ว ความสามารถอันเหนือล้ำของเย่หยวนนั้นมันทำให้เขาเกิดกลัวขึ้นมาในใจ
จริงๆ ข่านซัวเองก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้มาเจอเย่หยวนเข้าที่นี่เสียด้วยซ้ำ
พวกเขาทั้งหลายนั้นตามดูกองกำลังของตนจากมุมมืดและประเมินสถานการณ์อยู่เสมอ
ตอนที่ดาราสวรรค์และตี้เอิ่นจำเย่หยวนขึ้นมาได้ ข่านซัวก็ต้องสะท้านขึ้นมาด้วย
เพราะเรื่องที่เย่หยวนก่อไว้ในเผ่าปีศาจนั้นมันใหญ่เกินกว่าที่จะลืม ทางโถงโลหิตมรณะเองก็ได้บอกเรื่องราวของเย่หยวนให้แก่ข่านซัวจนสิ้น
แต่ตัวตนอย่างบรรพกาลราตรีนั้นมันเป็นเพียงแค่ตัวตนปลอมๆ ที่ถูกสร้างขึ้น ข่านซัวจึงไม่รู้เลยว่าจะไปเริ่มค้นหาจากที่ไหนดี
จนมาถึงวันนี้ ที่จู่ๆ เขาก็ได้เจอโชคใหญ่ มาพบกับเย่หยวนเข้า
หากเขาเป็นคนธรรมดาๆ คงไม่เท่าไหร่ แต่เย่หยวนนั้นมีความสามารถที่น่าสะพรึงจนข่านซัวต้องเกรงกลัวขึ้นมา
เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับสามารถรับมือนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวได้ถึงห้าคน การปล่อยให้เขาฝึกฝนตัวต่อไปมีหรือที่ข่านซัวจะยอม?
ที่สำคัญความเร็วในการบ่มเพาะของเย่หยวนนั้นมันเร็วเหนือฟ้ามาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...