หลังจากต่อสู้กันมาอย่างรุนแรงได้ระยะหนึ่งจนในที่สุดคนทั้งสามก็บาดเจ็บไปตามๆ กัน
ซุ่บ! ซุ่บ! ซุ่บ!
เมื่อได้เห็นว่ายอดฝีมือทั้งสามกำลังบาดเจ็บ เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มารอโอกาสก็เริ่มห้ามตัวเองไม่อยู่ รวบรวมความกล้าเข้าไปร่วมวงต่อสู้ด้วย
คนทั้งสามได้แต่หัวเราะเยาะในใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาส่งการโจมตีอันรุนแรงออกมาหลายต่อหลายครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง!
คนเหล่านั้นถูกโจมตีร่างกายฉีกกระจายจนไม่เหลือแม้แต่เศษชิ้นกระดูกใดๆ
ซ่งหยูยิ้มออกมา “พวกโง่แสนอ่อนแออย่างนี้คิดหรือว่าจะมีปัญญาเอาเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปเป็นของตน!”
เล่ออี้กล่าวขึ้นตาม “แต่การที่เรามาสู้กันต่อไปเช่นนี้มันก็ไม่ดีเหมือนกัน! ด้วยกำลังของเราทั้งสาม สุดท้ายพวกเราคงมีแต่เสียกับเสีย ไม่มีใครชนะไปได้อย่างขาดลอย!”
ข่านซัวจึงถามขึ้น “งั้นเจ้าว่าทำอย่างไรดีล่ะ?”
เล่ออี้จึงบอกออกมา “ก่อนอื่นเราไปให้ถึงตัวเขาหน่วงเทพบรรพกาลก่อนแล้วค่อยมาสู้ตัดสินกัน! ไม่เช่นนั้นหากเรามาสู้กันจนตายไปตรงนี้แต่สุดท้ายไม่มีใครได้เขาหน่วงเทพบรรพกาลไปมันจะไม่เสียท่าผู้คนมากจนเกินไปรึ?”
ข่านซัวและซ่งหยูนิ่งเงียบไป เพราะตอนนี้พวกเขาต่างเห็นด้วยกับคำพูดของเล่ออี้
ตอนนี้ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ มันเป็นการยากมากที่จะคาดเดาผลลัพธ์สุดท้าย
“ได้ เอาตามที่เจ้าเสนอมา!” ข่านซัวตกลง
“ข้าเองก็ไม่คิดตะค้านใดๆ เช่นกัน!” ซ่งหยูตกลงตาม
เล่ออี้จึงกล่าวขึ้น “งั้นก็ไปกัน!”
ร่างของทั้งสามเริ่มขยับและพุ่งตัวออกไปยังเขาหน่วงเทพบรรพกาลในทันที
แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ต้องหน้าเสียอีกครั้ง
เพราะยิ่งเข้ามาใกล้เขาหน่วงเทพบรรพกาลมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการก้าวเดินช่างยากลำบากไปเท่านั้น!
พลังแรงโน้มถ่วงอันรุนแรงนั้นกดทับร่างของพวกเขาไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก
พวกเขานั้นรู้สึกราวกับว่าเท้าของตัวเองมีรากงอกออกมาก็ไม่ปาน
พวกเขาทั้งสามนี้เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ พวกเขาจึงพอคาดเดาความรุนแรงของสนามแรงโน้มถ่วงนี้ได้ตั้งแต่เห็นบ้างแล้ว
“ให้ตายสิ! สนามแรงโน้มถ่วงของเขาหน่วงเทพบรรพกาลมันมีแต่จะหนักหน่วงขึ้นและหนักหน่วงขึ้น แบบนี้เราคงไปไม่ถึงมันแน่ๆ” ซ่งหยูกล่าวออกมา
ข่านซัวนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าคนทั้งสอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังไม่สามารถนำคนทั้งสองไปได้ไกลมากนัก
ตอนนี้ยอดฝีมือทั้งสามนั้นได้ปล่อยพลังออกมาจนสุดขีดจำกัดของตัวเอง แต่ความเร็วในการเดินของพวกเขากลับมีแต่จะช้าลงเรื่อยๆ
“ด้านหน้าเราอีกประมาณสามร้อยเมตร ใครที่ไปถึงก่อนก็จะได้สิทธิในการครอบครองเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป!” ข่านซัวตะโกนบอก
ระยะทางแค่ราวสามร้อยเมตร สำหรับคนทั้งสามแล้วจริงๆ มันควรจะเป็นการก้าวย่างแค่ครั้งเดียวเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ระยะสั้นๆ แค่นี้กลับดูแสนไกล ไกลเกินกว่าที่พวกเขาคนใดจะเอื้อมถึง
“อ้า!!”
ข่านซัวตะโกนร้องออกมาอย่างบ้างคลั่ง ฝืนเดินต่อจนมีใบหน้าสีแดงก่ำ กว่าจะก้าวออกมาได้อีกก้าวหนึ่ง
แค่ก้าวเดียวนี้กลับใช้พลังกายของเขาแทบทั้งหมดไป
ข่านซัวกัดฟันแน่น “ทำไมเขาหน่วงเทพบรรพกาลมันถึงได้มีสนามพลังที่รุนแรงขนาดนี้กัน?”
“อ่อก!”
ในที่สุดซ่งหยูก็ทนรับมันไม่ไหวจนต้องกระอักเลือดออกมา
ตอนนี้ซ่งหยูนั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้แบกภูเขาทั้งลูกไว้บนบ่า ทำให้เขาไม่สามารถที่จะยืนตัวตรงได้อีกต่อไปแล้ว
แต่เมื่อตรงหน้ามีสมบัติอันแสนล้ำค่าอยู่ พวกเขาจึงไม่มีใครคิดที่จะยอมแพ้ พยายามใช้พลังโลกในร่างกายทั้งหมดออกมาจนถึงขีดสุด เพื่อที่จะต่อต้านกับแรงโน้มถ่วงอันแสนรุนแรงนี้
แต่ทว่ามันก็เปล่าประโยชน์
ตอนนี้แค่ก้าวไปได้ก้าวเดียวมันก็หรูแล้ว
จนในที่สุดเวลาผ่านไปได้ถึงหกชั่วโมง แต่พวกเขากลับเดินมาได้แค่ในระยะประมาณ หกสิบเมตร ยังเหลืออีกกว่า สองร้อยเมตรให้พวกเขาต้องก้าวเดินต่อ จึงจะไปถึงเขาหน่วงเทพบรรพกาลได้
ภายใต้สนามแรงโน้มถ่วงอันรุนแรงนั้น ทั้งสามคนยังได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย มันจึงยากเย็นกว่าเวลาปกติมากมายนัก
แต่ตอนนี้ที่โขดหินที่ด้านหลัง มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอันหนึ่งดังขึ้นมาจากปากของเกาหยุน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...