ปัง!
ระหว่างที่เจิ่งชีกำลังยืนนิ่งเกาหยุนก็ได้ใช้โอกาสนั้นในการลอบโจมตีซัดฝ่ามือเข้าใส่อกของอีกฝ่าย
ข่าวเรื่องที่ว่าเย่หยวนยังไม่ตายนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เจิ่งชีตั้งสติไม่ทัน จนสุดท้ายต้องยืนนิ่งไปพักหนึ่ง และมีหรือที่เกาหยุนจะปล่อยโอกานี้ไป?
เจิ่งชีนั้นถูกซัดจนลอยออกไปอย่างรุนแรง จนต้องกระอักเลือดออกมาคำโต
ฝ่ามือนี้มันโจมตีเจิ่งชีอย่างไม่ทันตั้งรับใดๆ ทำให้เขารับมันไว้ด้วยร่างกายตรงๆ จนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นยืนได้อีกแล้ว
มันเป็นเพราะว่าเกาหยุนนั้นบาดเจ็บหนักมามีพลังปราณเทวะเหลือไม่ถึง หนึ่งในสิบ จากที่มี ทำให้เขาไม่สามารถสังหารเจิ่งชีลงได้ด้วยการโจมตีนี้
แต่แค่นี้มันก็พึงพอแล้วสำหรับเกาหยุน
เพราะเป้าหมายของเขาคือการหนี หาใช่การสังหารเจิ่งชี!
“เจ้า… ช่างน่ารังเกียจ!” เจิ่งชีเอามือทาบอกตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น
เกาหยุนจึงหัวเราะขึ้น “หากมีเวลาชายแก่คนนี้คงให้เกียรติส่งเจ้าขึ้นสวรรค์เองแล้ว! แต่ชายแก่ผู้ใจดีคนนี้จะบอกข่าวดีให้ เย่หยวนยังไม่ตายจริงๆ ที่สำคัญ… หากมันไม่มีเรื่องอะไรผิดพลาดมันน่าจะเป็นคนที่ได้สมบัติในครั้งนี้ไปครองด้วย!”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา ทุกคนก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที
“นั่นมัน… เป็นไปได้ยังไง? ข้าเห็นกับตาแท้ๆ ว่าเขาถูกยอดฝีมือเผ่าปีศาจนั้นสังหารลง เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะยังไม่ตาย?”
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขาถึงกับกลายเป็นผู้ที่แย่งสมบัติจากมือยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ไปด้วย!”
“เขาทำได้ยังไงกัน? เราเองก็มีสายตามากมายหลายคู่จ้องมองดู จะบอกว่าพวกเราทุกคนเข้าใจสถานการณ์นั้นผิดอย่างนั้นรึ?”
…
ความตื่นตระหนกในใจของทุกคนนั้นมันยิ่งใหญ่จนอธิบายไม่ถูก คนที่พวกเขาต่างเชื่อว่าได้แตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้วกลับกลายเป็นผู้ที่จะได้รับสมบัติไปครองเสียอย่างนั้น
เรื่องแบบนี้มันเกินความคาดหมายของทุกผู้คนไปมาก
ที่สำคัญเรื่องนี้ยังมียอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์อยู่ถึงสามคน เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะยืนมองเย่หยวนแย่งชิงสมบัติไปเฉยๆ อย่างนั้น?
เกาหยุนหันไปมองเจิ่งชีอีกครั้งด้วยหางตาก่อนที่จะมุ่งหน้าหนีออกไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า… เกาหยุน ขอบคุณมากที่นำข่าวนี้มาบอกเรา! เมื่อเรารู้ว่าเย่หยวนไม่ตาย ความกังวลของชายแก่คนนี้ก็หายไปแล้ว! วันนี้แหละข้าจะจัดการลากเจ้าลงนรกไปด้วยให้ได้!”
จู่ๆ เจิ่งชีก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง ปล่อยพลังในกายออกมาอย่างรุนแรงล้นฟ้า!
เขาก็ลุกขึ้นยืนมาราวกับว่าบาดแผลที่เขามีมันได้หายไปจนหมดสิ้น ที่สำคัญร่างกายของเขายังปล่อยแสงสีแดงแห่งความบ้าคลั่งออกมาทั้งร่างกาย
เมื่อเกาหยุนได้เห็นเขาก็ต้องหน้าถอดสีทันที “เจิ่งชี เจ้ามันบ้า! ดาบคลั่งเลือนสลายมันเป็นวิชาที่กัดกินชีวิตและเลือดผู้ใช้!”
เจิ่งชีนั้นหัวเราะตอบกลับมาอย่างบ้าคลั่ง “แล้ว? ตอนนั้นที่อาจารย์ข้าสอนวิชานี้ให้ท่านบอกว่าจงอย่าได้ใช้มันออกมาจนกว่าจะถึงเวลาวิกฤตชีวิตจริงๆ แต่หากเสียโอกาสวันนี้ไปใครจะรู้ว่าชายแก่คนนี้จะมีโอกาสได้สังหารเจ้าอีกครั้งเมื่อไหร่! เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าจงตายลงเสียเถอะ!”
เดิมทีแม้เจิ่งชีจะใช้วิชาดาบคลั่งเลือนสลายนี้เขาก็ยังไม่มีพลังมากพอที่จะจัดการเกาหยุนลง
แต่วันนี้ฟ้าดินเป็นใจทำให้เจิ่งชีไม่คิดที่จะปล่อยโอกาสแบบนี้ออกไปจากมือ หากเขาพลาดในครั้งนี้ชีวิตนี้เขาอาจจะไม่สามารถแก้แค้นได้อีกต่อไป
เพราะแม้โอกาสที่เกาหยุนจะบรรลุสู่อาณาจักรนภาสวรรค์นั้นจะเลือนลาง แต่โอกาสที่ตัวเจิ่งชีเองจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็มีน้อยไม่ต่างกัน
หากอยากแก้แค้นมันก็คงไม่มีโอกาสอื่นอีกแล้ว
วันนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้าย
เจิ่งชีเฝ้ารอวันนี้มานับหมื่นๆ ปี มีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสอันนี้ไปได้?
เกาหยุนหน้าซีดลงทันทีที่เห็นด้วยความหวาดกลัว “บ้า! เจ้ามันบ้า!”
เกาหยุนและอู๋ซิงถังนั้นเป็นคนในรุ่นเดียวกัน แน่นอนว่าเขาต้องรู้จักวิชาดาบคลั่งเลือนสลายนี้เป็นอย่างดี
การใช้วิชานี้แก้ปัญหาในยามฉุกเฉินนั้นนอกจากมันจะทำให้ร่างกายของผู้ใช้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมแล้วมันยังช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างมหาศาลด้วย
แต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นมันคืออายุขัยและเลือด!
ตอนนี้ การที่เจิ่งชีใช้วิชานี้ออกมามันน่ากลัวมากๆ สำหรับเขา
เกาหยุนจึงตัดสินใจอย่างไม่ต้องหยุดคิดใดๆ เขารีบพุ่งตัวหนีออกไปในทันที
เจิ่งชีหัวเราะตามหลังมา “เจ้าคิดจะไปที่ไหน?!”
เจิ่งชีที่ใช้ดาบคลั่งเลือนสลายนั้นมีความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มมากกว่าก่อนมาก จึงเข้าไปประชิดเกาหยุนได้ภายในพริบตา
ดาบแต่ละดาบที่ฟาดฟันออกมานั้นมันยิ่งรุนแรงขึ้น และรุนแรงขึ้นจนเกาหยุนแทบล้มลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...