ในเช้าวันถัดมามูดงรีบมุ่งหน้ามายังกลุ่มเครือข่ายสวรรค์แต่กลับพบว่าตู้หมิงเหลียงได้มารออยู่ที่หน้าแถวก่อนแล้ว
เขาโบกมือไล่นักยุทธด้านหลังตู้หมิงเหลียงไปและเข้ามาลัดแถวในทันที
แต่ไม่มีใครกล้าบ่นว่าใดๆ
เพราะนี่คือนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาว แถมยังมีขั้วอำนาจใหญ่หนุนหลัง มีใครบ้างเล่าที่อยากรนหาที่ตาย?
เพราะสุดท้ายกฎมันก็ถูกเขียนขึ้นด้วยมือของ สามขั้วอำนาจใหญ่เอง!
ตู้หมิงเหลียงหันมามองมูดงและกล่าวขึ้น “เจ้าเองก็ไม่เช้าไม่เบาเลยนี่? ข้าว่าอีกไม่นานหลิวฮั่นก็คงมาเหมือนกันใช่ไหม? เพราะยังไงนี่ก็เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะ ใครจะยังยอมทนอยู่เฉยได้?”
มูดงพยักหน้ารับและถอนหายใจยาว “หากข้าได้พบเจอกับเถ้าแก่เย่หลายหมื่นปีก่อนมันจะดีสักแค่ไหนกัน? เขาจะช่วยลดเวลาฝึกฝนบ่มเพาะอันยากลำบากของข้าไปได้มากขนาดไหนกันนะ?!”
“เนอะ! ตอนนี้โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสามมันไม่ได้มีประโยชน์กับเรามากมายแล้ว น่าเสียดายจริงๆ” หลิวฮั่นที่เพิ่งมาถึงพูดขึ้นแทรก
นักยุทธผู้นั้นที่ต่อแถวอยู่หลังตู้หมิงเหลียงแทบจะอยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาออกมา เขาได้แต่เว้นที่ว่างด้านหน้าตัวเองให้แก่ผู้มาใหม่อีกครั้ง
แต่ว่าเรื่องมันยังไม่จบเท่านั้น
เพราะนอกจาก สามขั้วอำนาจแล้วมันก็ยังมีคนตามมาต่อแถวอีกมากมาย พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นถึงยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าชั้นกลาง
และแน่นอนว่าพวกเขาเองก็เป็นคนจากค่ายสำนักกองกำลังใหญ่ในเมือง
น่าสงสารคนๆ นั้นจริงๆ เพราะเขานั้นอยู่ต่อแถวตั้งแต่เมื่อคืนแต่แค่ไม่กี่นาทีมานี้เขากลับต้องเสียคิวไปแล้วกว่า ยี่สิบคิว
ตอนนี้แถวนั้นมันจัดกันตามลำดับพลังอำนาจที่ผู้คนในเมืองนี้มี
ตอนนี้เจ้าของร้านแผงนี้ยังมาไม่ถึง ร้านของเขายังคงว่างเปล่าแต่ทุกคนต่างมารอกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยรอการมาถึงของเถ้าแก่
ไม่นานนักเย่หยวนก็พาหนิงเทียนปิงมาถึงกลุ่มเครือข่ายสวรรค์
เมื่อได้เห็นการมาถึงของเย่หยวน พวกเขาทั้งหลายต่างก็แสดงสีหน้าท่าทางตื่นเต้นออกมา
เมื่อวานนี้มีคนมากมายที่ได้ซื้อโอสถไป แน่นอนว่าข่าวเรื่องนี้มันจึงกระจายไปทั่ว
โอสถของเย่หยวนนั้นสมชื่อว่าเป็นขั้นเทวะโมฆะ ในคืนที่ผ่านมามีนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าหลายต่อหลายคนบรรลุสู่ระดับต่อไป
นั่นทำให้ทุกผู้คนต่างสนใจในร้านขายโอสถของเย่หยวนมากกว่าเก่า
เพราะยังไงเสียหากเทียบกับอาณาจักรราชันพระเจ้า นักยุทธที่ยังอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามันก็มีมากกว่า
หลังจากจัดแจงร้านแล้ว เย่หยวนก็หันมามองตู้หมิงเหลียง “เริ่มเลยแล้วกัน เจ้าอยากได้โอสถใด?”
ตู้หมิงเหลียงนั้นค่อยๆ พูดอกมาอย่างระมัดระวังด้วยรอยยิ้ม “น้องเย่หยวน โอสถระดับความยากเก้า ที่ท่านขายนี่มีอะไรบ้าง? มีโอสถสุริยันจักรวาลหรือไม่?”
เย่หยวนพยักหน้า “มีสิ! แต่สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถสุริยันจักรวาลนั้นมันหายากมาก ข้าจึงมีอยู่กับตัวแค่ สองเม็ดในตอนนี้”
แต่แค่นั้นมันก็มากพอจะทำให้ตู้หมิงเหลียงแทบกระโดนตัวลอย “เยี่ยม! งั้นข้าขอโอสถสุริยันจักรวาลสองเม็ด! และก็เอาโอสถมหาปราณอีก ยี่สิบเม็ด…”
ตู้หมิงเหลียงบอกชื่อของโอสถมากมายออกมาในคราเดียว มันครอบคลุมทุกระดับความยาก
เหล่านักยุทธที่อยู่ด้านหลังได้ยินเช่นนั้นพวกเขาจึงแทบล้มลงด้วยความตกใจ
เพราะมันเยอะมากจริงๆ
หากให้นับราคาแล้วมันคงไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านแน่ๆ
แต่มูดงและหลิวฮั่นกลับไม่คิดจะอยู่เฉย มูดงกล่าวขึ้น “ตู้หมิงเหลียง อยากได้โลภมากจนน่าเกลียดนัก! เจ้าคิดว่ามีแค่พันธมิตรดาบดวงดาวของเจ้าหรืออย่างไรที่มีเงิน?”
แต่ตู้หมิงเหลียงก็ยิ้มตอบกลับไป “อยากโทษก็ไปโทษตัวเองที่ไม่ยอมมาเช้าๆ สิ! หากเจ้ามาก่อนเจ้าเองก็คงคิดจะซื้อโอสถสุริยันจักรวาลทั้งสองเม็ดเช่นกันใช่ไหมเล่า?”
มูดงหัวเราะออกมา “อย่ามาอ้าง! วันนี้เจ้าต้องเหลือไว้ให้พ่อเจ้าคนนี้ด้วยเม็ดหนึ่ง! ไม่เช่นนั้นคงได้แสดงฝีมือกันตรงนี้แล้ว!”
ตู้หมิงเหลียงจึงตอบกลับไป “งั้นก็เข้ามา คิดว่าข้ากลัวเจ้ามากเรอะ?”
ภาพตรงหน้านั้นแสนจะอันตราย แค่การเถียงกันของคนทั้งสองมันก็ทำให้เกิดกระแสลมขึ้นมาแล้ว
แต่ก็คงโทษพวกเขาไม่ได้ เพราะยังไงเสียโอสถสุริยันจักรวาลขั้นเทวะโมฆะมันก็คือตัวแทนของอาณาจักรราชันพระเจ้า มีหรือที่จะมีใครไม่อยากได้มัน?
แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับขมวดคิ้วแน่นกับภาพตรงหน้า “ได้ๆ ก่อเรื่องกันให้สาแก่ใจแล้วข้าจะไม่ขายโอสถให้ใครทั้งสิ้น!”
ได้ยินคำพูดนั้นจากปากเย่หยวน คนทั้งสามจึงเงียบปากลงทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...