เย่หยวนนั้นจึงถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “โอ้? จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้คนนี้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลย?”
หวู่เฉินตอบ “ยิ่งเสียกว่านั้นอีก! เจาสามารถอ่านดวงชะตาฟ้าดินได้ สามารถรู้ถึงความเป็นความตายของนักยุทธ แยกของจริงจากสิ่งลวงมากมายมหาศาล และเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ที่น่าเกรงขามที่สุดคนหนึ่ง! จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้มีพลังในการมองที่ไม่เป็นรองใคร! เห็นปราณเทวะนั้นไหม? นั้นคือสิ่งที่เรียกว่าปราณเทวะเฉียนจี้ มีแต่ตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้และลูกหลานเท่านั้นที่จะสามารถบ่มเพาะปราณแบบนั้นได้ มันคล้ายๆ กับความสามารถเฉพาะของสายเลือด”
เย่หยวนพูดขึ้นด้วยท่าทางตกใจ “มันยังมีปราณที่ลึกลับปานนั้นอยู่ด้วย?”
หวู่เฉินตอบ “หากจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้บอกว่าใครจะได้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ คนๆ นั้นก็จะขึ้นสู่อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ได้จริงๆ หากเขาบอกว่าใครจะต้องตายลงก่อนไปถึง พวกเขาเหล่านั้นก็จะพบจุดจบอย่างเลี่ยงไม่ได้! ตราบเท่าที่มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ทำนาย มันไม่เคยที่จะผิดพลาดมาก่อนเลย!”
เย่หยวนนั้นตื่นตระหนกอยู่ในใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะยังมียอดคนที่สามารถมองความลับของสวรรค์ออกได้ขนาดนั้นอยู่!
แต่สิ่งที่เย่หยวนไม่รู้ก็คือไม่นานก่อนหน้านี้ เต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งได้เข้าไปเยี่ยมเยือนจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่คฤหาสน์ของเขา
“เฉียนจี้ห้าร้อยปีก่อนเจ้าบอกว่าเขาแห่งถงเทียนเกิดความผิดปกติขึ้น ตอนนี้เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้หันไปมองเต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งด้วยดวงตาที่เปี่ยมความนัยก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เฉิงหมิ่ง เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้กฎของข้า เรื่องราวเกี่ยวกับเขาแห่งถงเทียนนั้นข้าไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับมัน!”
หากคนนอกมาได้ยินจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้พูดกับเต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งแบบนี้พวกเขาคงตกใจจนตาแถบถลนแน่ๆ
ยอดคนอาณาจักรเต๋าบรรพกาลนั้นคือตัวตนที่อยู่เหนือและห่างไกลจากโลก
ต่อให้เป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์ เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าพวกเขามันก็ไม่ต่างจากมดปลวกเลย
แต่จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้คนนี้กลับไม่แสดงท่าทีเคารพใดๆ ต่อเต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งเลยแม้แต่น้อย
เต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งขมวดคิ้วแน่น “เรื่องนี้ ข้าย่อมรู้ดี ข้าแค่อยากถามเจ้าว่าเวลานั้นมันมาถึงหรือยังก็เท่านั้น!”
พูดจบเขาก็ทำหน้าตาเศร้าหมอง ราวกับว่าได้ผ่านเรื่องราวที่สั่นสะท้านแผ่นดินมา
สิ่งใดก็ตามที่ทำให้ยอดคนอาณาจักรเต๋าบรรพกาลแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาได้ขนาดนี้มันต้องไม่ธรรมดา
เฉียนจี้ถอนหายใจยาว “เจ้าเองก็ผ่านยุคก่อนมาแล้ว เจ้าน่าจะพอรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร เรื่องแบบนี้มีความจำเป็นหรือที่ต้องยังมาถามข้า? ทุกคนนั้นต่างกล่าวว่าเต๋าบรรพกาลนั้นมีชีวิตนิรันดร์ แต่เรื่องนั้นมันก็เพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ดูจุดจบของเต๋าบรรพกาลก็เท่านั้น ในโลกใบนี้หากจะมีสิ่งใดที่ยั่งยืนเป็นนิรันดร์มันก็คงมีแค่เขาแห่งถงเทียนเท่านั้นใช่ไหมล่ะ? หรือบางทีแม้แต่เขาแห่งถงเทียนก็อาจจะไม่ได้เป็นนิรันดร์อย่างแท้จริง! เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ได้หรอก”
เต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีเพราะคำพูดของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นไปจี้ใจดำเขาเข้า
คนบนโลกนี้ต่างกล่าวว่าเต๋าบรรพกาลนั้นเหนือล้ำโลกไม่สนใจสิ่งใด แต่พวกเขาหาได้รู้ไม่เลยว่าอาณาจักรเต๋าบรรพกาลเองก็มีปัญหาของอาณาจักรเต๋าบรรพกาลเช่นกัน
“เช่นนั้น มันจะมารึ?” เต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งถาม
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ยิ้มตอบ “อ่า เฒ่าหมิ่ง เวลามันก็ผ่านไปตั้งนานนมแล้วเจ้าคิดถึงมันไม่เลิกอีกรึ? ความเป็นความตายมันล้วนถูกกำหนดโดยโชคชะตา หาใช่สิ่งที่เจ้าหรือข้าจะกำหนดมันได้”
ใบหน้าของเต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งสั่นสะท้านขึ้นก่อนจะถอนหายใจยาว “พูดมันง่ายแต่ทำมันยาก!”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เหลือบมองดูอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นอีกครา “วันนั้น ข้าได้เห็นนิมิตยามค่ำคืน ที่ทิศใต้มีแสงฉีสีม่วงพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า เรื่องราวผิดปกติต้องเกิดขึ้นแน่ แต่นี่เป็นความลับของสวรรค์ข้าจึงไม่ได้รับรู้ถึงมัน”
ดวงตาของเต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งเบิกกว้างก่อนร่างของเขาจะหายลับไป
“เฮาหยู!”
ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งปรากฎตัวออกมาต่อหน้าเต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่ง
“เต๋าบรรพกาล!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฮาหยูตอบรับอย่างสุภาพ
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฮาหยูนั้นรู้สึกกลัวอยู่ในใจเพราะการที่เต๋าบรรพกาลจะเรียกเขามาแบบนี้มันจะมีขึ้นแค่ในรอบล้านปี แล้ววันนี้มันจะมีเรื่องอะไรกันแน่?
เต๋าบรรพกาลเฉิงหมิ่งพยักหน้า “เจ้าจงรีบส่งคนออกไปทางใต้เพื่อค้นหาให้ละเอียด ดูมาว่าในรอบห้าร้อยปีนี้มีเหตุการณ์ประหลาดใดเกิดขึ้นบ้าง! ข้าต้องการรู้ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น เข้าใจนะ?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฮาหยูจึงรีบตอบกลับไป “ขอรับ ข้าน้อยน้อมรับ! ข้าน้อยจะรีบส่งคนออกไปเดี๋ยวนี้!”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...