จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1657

สรุปบท ตอนที่ 1657 สะท้อน: จอมเทพโอสถ

ตอน ตอนที่ 1657 สะท้อน จาก จอมเทพโอสถ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1657 สะท้อน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1657 สะท้อน
ในการเคาะราคาแค่ไม่กี่ครั้งศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนั้นกลับมีราคาพุ่งสูงไปเกือบเท่าตัวแล้ว

ท่าทางแบบนั้นมันทำให้ผู้คนหลายต่อหลายคนปิดปากเงียบลงทันที

แต่ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น

ด้วยสนามประลองเงินตราที่เต็มไปด้วยพวกเจ้าเล่ห์มากกลแบบนี้ มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยให้เด็กน้อยคนนี้ได้ของไปง่ายๆ ?

จู่ๆ นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าคนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “ห้าหมื่นหนึ่งพันล้าน!”

นั่นทำให้จิงลู่หน้าเสียทันที เมื่อสักครู่ตอนที่ทุกคนต้องเงียบไปเมื่อได้ยินนั้นมันทำให้ตัวจิงลู่พึงพอใจอย่างมาก

เขาไม่คาดคิดเลยว่าแค่เสี้ยววินาทีต่อมาจะมีคนเคาะเพิ่มราคาอีก

เขาจึงกัดฟันแน่น “ไม่อยากจะเชื่อ! ห้าหมื่นสองพันล้าน!”

คนๆ นั้นจึงตอบกลับมา “ห้าหมื่นสามพันล้าน!”

จิงลู่นั้นโกรธจนหน้าแดงหน้าดำและตะโกนขึ้น “หกหมื่นล้าน!”

คราวนี้แม้แต่นักยุทธคนนั้นเองก็ไม่คิดที่จะเคาะราคาเพิ่มแล้ว เขากล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่อยากได้แล้ว เจ้าเอาไปเถอะ!”

เมื่อจิงลู่ได้ยินเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “เจ้าคิดว่าตัวเองมีปัญญาพอจะสู้กับนายน้อยคนนี้หรือ?”

เสียงของจิงลู่นั้นดังเต็มปลอดจนคนได้ยินกันทั่ว

สำหรับคนที่พอรู้เรื่องรู้ราวบ้างก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างมีนัย

เพราะชายคนนั้นแค่ใช้เทคนิคนิดหน่อยแต่กลับเรียกราคาเพิ่มได้ถึงหนึ่งหมื่นล้าน

ลุงหวงที่อยู่ข้างๆ แทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองผู้คน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรขึ้นตักเตือนด้วย จึงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างสุดบรรยาย

เจียงเจิ้นเทายิ้มออกมาก่อนจะถามขึ้น “หกหมื่นล้าน มีใครให้มากกว่าหกหมื่นล้านไหม? หากไม่มีศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้จะตกเป็นของแขกจากห้องสวรรค์หมายเลข 5 ไป!”

ทุกคนเงียบลงทันที เพราะตอนน้ำพวกเขาต่างรู้ดีว่าศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดนั้นมันมีราคาที่สูงเกินกว่าคุณค่าของมันไปมากแล้ว

เป็นตอนนั้นเองที่เสียงหนึ่งดังขึ้น “หนึ่งแสนล้าน!” คำพูดนั้นมันทำให้ทุกคนต้องขนลุกชัน

ในหมู่ผู้เข้าร่วมงานมีคนกระซิบขึ้น “แสนล้าน! มีคนกล้าที่จะจ่ายถึงแสนล้านเพื่อศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดแค่ชิ้นเดียวเนี่ยนะ? มันจะไม่โง่ไปหน่อยรึ?”

และผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็พูดขึ้น “หึหึ น่าสนใจ! นี่มันมิใช่คนโง่ แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญต่างหาก!”

“หา? หมายความว่ายังไง?”

“ก็เห็นชัดๆ อยู่ว่าศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้ แขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้ากับห้องสูงสุดหมายเลขสี่ต้องการมันอย่างเด็ดขาดโดยไม่คิดจะปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือใคร แต่แขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่นั้นไม่เคยทำการเคาะราคาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขารอดูก่อนว่าคู่แข่งของเขามีอะไรมากแค่ไหน! ตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นว่าคู่แข่งเหลือแค่แขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้าแล้วเขาจึงเคาะราคาขึ้นไปหนึ่งแสนล้าน และราคานั้นมันก็คงเป็นขีดจำกัดของแขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้าแล้ว เท่านี้เขาก็จะสามารถประหยัดผลึกปราณเทวะไปได้ไม่น้อย เพราะว่าแขกจากห้องสวรรค์หมายเลข 5 มันเปิดเผยตัวเองมากเกินไป!”

คนที่พูดขึ้นทีแรกจึงกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง “มันมีแผนการแบบนี้ด้วย?”

“แน่นอนสิ! บางครั้งบางทีเราก็จะได้เจอเรื่องอะไรแบบนี้ในการประมูล คนบางคนนั้นมีของที่หมายตาไว้ และไม่ว่าจะต้องทำยังไงจ่ายแค่ไหนพวกเขาก็จะต้องชนะให้ได้ นั่นทำให้แผนการเคาะราคาแบบนี้มีความสำคัญมาก เจ้าดูสิ ตอนนี้แขกจากห้องสวรรค์หมายเลขห้ายังดูท่าจะอยากเคาะราคาเพิ่มแต่ดูท่าเขาคงไม่สามารถเพิ่มราคาได้อีกมากมายแล้ว!”

เมื่อจิงลู่ได้ยินราคานั้นเขาก็หน้าเสียจนเกินจะเยียวยา

วันนี้เขาได้นำเงินออกมาด้วยถึงหนึ่งแสนสองหมื่นล้าน แต่ตอนนี้เขามีเหลืออยู่แค่หนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยล้าน

เย่หยวนเสนอราคาที่ถึงขีดจำกัดของเขาออกมา เขาไม่สามารถจะเพิ่มราคาไปได้มากมายกว่านี้แล้ว

จิงลู่กัดฟันแน่นก่อนจะตะโกนออกมา “หนึ่งหมื่นสามพันห้าร้อยล้าน!”

วินาทีต่อมาเย่หยวนก็เปิดปากพูดอีกครั้ง “หนึ่งหมื่นห้าพันล้าน!”

ปัง!

จิงลู่ยกมือขึ้นตบโต๊ะน้ำชาที่ด้านหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว “ให้ตายสิ! ไอ้เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วรึยังไงกัน? ถึงกลับกล้าที่จะจ่ายเงินกว่าแสนล้านเพื่อศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นเดียว!”

ลุงหวงถอนหายใจยาว “นายน้อย ช่างมันเถอะ ชายคนนั้นคงไม่ต่างจากเรา เขาคิดที่จะนำศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดมาไว้ในมือให้ได้”

แม้แต่เจียงเจิ้นเทาเองก็ไม่คิดว่าศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดมันจะสามารถมีราคาที่สูงได้ถึงขนาดนี้มาก่อน

“ศิลาวิญญาณสวรรค์ไร้สิ้นสุดชิ้นนี้ตกเป็นของแขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่!” เจียงเจิ้นเทาประกาศ

เจียงเจิ้นเทายิ้มตอบ “อืมๆ วีรบุรุษย่อมเจิดจ้าแต่หนุ่ม! ข้าไม่คิดเลยว่าแขกจากห้องสูงสุดหมายเลขสี่นั้นจะเป็นคนหนุ่มขนาดนี้!”

จังหวะนั้นหลี่ซิงเองก็ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นกัน “หึหึ ผู้อาวุโสเจียงนั้นยังไม่รู้อะไร เถ้าแก่เย่คนนี้หาใช่คนหนุ่มธรรมดาไม่!”

เจียงเจิ้นเทาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินก่อนจะหันไปถามหลี่ซิง “โอ้? แล้วเขาไม่ธรรมดายังไงกัน?”

หลี๋ซิงยิ้มกว้างก่อนจะเล่าเรื่องราวที่เย่หยวนทำไว้ขึ้นมา

ในใจของเจียงเจิ้นเทานั้นตื่นตระหนกอย่างมาก เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากขะเชื่อสักเท่าไหร่ “ผู้นำหลี่ ท่านพูดเล่นเรื่องแบบนี้ไม่ได้นา! เฒ่าคนนี้อยู่ดูโลกมานานแสนนานมีความรู้และประสบการณ์มากมายแต่ก็ยังเคยเจอโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะโมฆะมาแค่ไม่กี่ครั้ง”

หลี่ซิงยิ้มตอบ “เรื่องนี้คนเมืองหลวงลาภสายน้ำต่างรู้กันดี ที่สำคัญมีหรือที่หลี่คนนี้จะกล้าพูดจาไร้สาระต่อหน้าผู้อาวุโสเจียง?”

เพราะพวกเขาคือทายาทลูกหลานจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ ตระกูลของพวกเขานั้นแสนจะยิ่งใหญ่กระจัดกระจายกันไปทั่วมหาพิภพถงเทียน และเจียงเจิ้นเทาคนนี้ก็เป็นเพียงแค่ลูกหลานสายเลือดห่างของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้เท่านั้น

แต่ถึงจะเป็นแค่นั้นมันก็มากพอจะทำให้ไม่มีใครกล้าดูถูกเจียงเจิ้นเทาแล้ว

เพราะไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกพลังแห่งตระกูลเจียง

เจียงเจิ้นเทานั้นตื่นตระหนกในหัวใจก่อนจะเดินปราณเทวะขึ้นมาไว้ที่ดวงตาอย่างไม่ทันรู้ตัวและจ้องมองไปยังเย่หยวน

“อ้ากก!!”

เจียงเจิ้นเทาตะโกนออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยใดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดดวงตาทั้งสองของตัวเองไว้

หลี่ซิงหน้าซีดลงทันทีที่ได้เห็นก่อนจะรีบเข้าไปถามเรื่องราว “ผู้อาวุโสเจียง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน?”

เจียงเจิ้นเทานั้นยกมือขึ้นมาปิดตาทั้งสองไว้อย่างสั่นเทา ทำให้ผู้คนรอบๆ ต้องตื่นตะลึงไปตามๆ กัน

สิ่งเดียวที่พวกเขาเห็นคือดวงตาที่ปิดแน่นนั้นมีน้ำตาเลือดสีแดงสดไหลลงมาเป็นทาง มันเป็นภาพที่น่าสยดสยองไม่น้อย

เย่หยวนเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึงเข้าไปถามอย่างกังวล “ผู้อาวุโสเจียง ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่?”

เจียงเจิ้นเทาค่อยๆ ส่ายหัวออกมา “เฒ่าคนนี้ช่างโง่เขลา คงโดนเพื่อนตัวน้อยเย่หยวนหัวเราะเยาะแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ