วรยุทธวิญญาณลับโกลาหลของเขานั้นบ่มเพาะไปจนถึงระดับยอดสี่ศาสตร์แห่งการดูรัศมีของเขาเอาก็ถึงขั้นสุดของระดับสี่เช่นกัน แต่ทว่าเขากลับต้องรับแรงสะท้อนกลับมากมายขนาดนี้ด้วยการจ้องมองแคบครั้งเดียว
อนาคตโชคชะตาของเด็กคนนี้มันช่างยิ่งใหญ่และเจิดจ้านัก!
“ผู้อาวุโสเจียง ท่านใช้… ใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวนงั้นรึ?” หลี่ซิงดูท่าจะเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เจียงเจิ้นเทารู้ดีว่าตัวเองคงซ่อนเรื่องนั้นไว้ไม่ได้แล้วจึงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “เมื่อได้ยินเรื่องที่ท่านว่ามาเมื่อสักครู่ เฒ่าคนนี้ก็เกิดสงสัยขึ้นมาในใจจึงได้ใช้ศาสตร์แห่งการดูรัศมีออกไป ไม่นึกเลยว่า… เฒ่าคนนี้จะยังอ่อนหัดและถูกผลของมันสะท้อนกลับมา!”
หลี่ซิงกล่าวขึ้นอย่างตระหนก “ผู้อาวุโสเจียงคงล้อเล่นแล้ว! ในเขตแดนของสามเมืองจักรพรรดินี้มีใครบ้างเล่าไม่รู้ว่าศาสตร์การดูรัศมีของท่านนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด จะเป็นไปได้อย่างไรที่ท่านจะยังอ่อนหัด?”
ตอนนั้นก็มีชายอีกสองคนก็เดินเข้ามา หนึ่งคือเจ้าเมืองไช่หรง และเจ้าคฤหาสน์สายรุ้งโลหิต หวังจ้าว
เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าดวงตาของเจียงเจิ้นเทามีเลือดไหลลงมาเป็นสายแบบนั้นพวกเขาก็หน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “ผู้อาวุโสเจียง เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน?”
หลี่ซิงจึงเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ให้ทั้งสองฟังก่อนที่พวกเขาจะหันมามองเย่หยวนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ดูท่าแล้วพวกเขาจะคาดเดาไม่ผิดจริงๆ
“ผู้อาวุโสเจียง ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเถ้าแก่เย่หยวนมีสีชะตาใด?” ไช่หรงถาม
เรื่องศาสตร์การดูรัศมีของจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้นั้นมิใช่เรื่องที่เป็นความลับใดๆ พวกเขารู้กันว่าสีชะตาผู้คนนั้นจะแบ่งออกได้เป็นเจ็ดสี เมื่อมองดูแล้วพวกเขาจะแยกออกมาได้
โดยมีสีแดงอยู่ระดับต่ำสุด และสีม่วงอยู่ระดับสูงสุด!
ปกติแล้วหากใครก็ตามที่มีชะตารัศมีสีม่วง หากพวกเขาไม่พลาดพลั้งไปก่อนพวกเขาก็จะบรรลุถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้ได้อย่างแน่นอน
ยอดฝีมือที่ทิ้งประตูกดสวรรค์โบราณไว้เองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยได้รับการดูจากตระกูลเจียงและเขานั้นมีชะตารัศมีสีม่วงที่ส่องสว่างที่สุด
เจียงเจิ้นเทายิ้มออกมา “เฒ่าคนนี้ไม่เห็นอะไรเลย! แต่การที่เฒ่าคนนี้โดนสะท้อนกลับมาแบบนี้มันก็หมายความว่าเพื่อนตัวน้อยเย่หยวนคนนี้มีรัศมีจักรพรรดิแน่นอน!”
เพราะเขาแค่เหลือบมองมันก็แทบทำเขาตาบอดแล้ว!
“รัศมีจักรพรรดิ!” ยอดฝีมือทั้งสามร้องลั่น
รัศมีจักรพรรดินั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาเองก็เคยได้ยินมาก่อน แต่สำหรับเมืองหลวงบ้านนอกอย่างเมืองหลวงลาภสายน้ำนั้น มันไม่มีทางเลยที่จะมีรัศมีระดับนั้นปรากฏตัวขึ้นได้
เพราะเหล่าผู้คนที่มีรัศมีจักรพรรดินั้นล้วนแต่มีพรสวรรค์ที่สะท้านฟ้าดิน พวกเขาจะสามารถก้าวขึ้นถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้เลย!
การเป็นเทพสวรรค์มันก็หมายความว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือบนจุดสุดยอดของโลกแล้ว เป็นตัวตนที่พวกเขาทั้งหลายได้แต่เงยหน้ามอง เป็นตัวตนที่พวกเขาไม่มีทางขึ้นไปเทียบเคียงได้ตลอดชีวิต!
หรือว่าชายหนุ่มคนนี้จะสามารถขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้จริงๆ ในวันข้างหน้า?
หวู่เฉินเคยบอกเรื่องพวกนี้กับเย่หยวนไว้แล้ว เย่หยวนจึงพอเข้าใจความหมายของรัศมีจักรพรรดิอยู่บ้าง
แต่เขาไม่คิดจะสนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือวรยุทธบ่มเพาะที่เจียงเจิ้นเทาใช้ต่างหาก
เย่หยวนยกมือขึ้นมาคำนับก่อนจะกล่าว “ผู้อาวุโสเจียง เย่หยวนผู้นี้มีเรื่องอยากขอร้องท่าน”
ตอนนี้สายตาของทุกผู้คนที่ใช้มองเย่หยวนมันได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง
อนาคตเทพสวรรค์ เขามีค่าให้เอาใจมากแค่ไหน?
เจียงเจิ้นเทาพยักหน้ารับ “ว่ามาสิ”
เย่หยวนบอก “ผู้อาวุโสเจียง ท่านช่วยแสดงปราณเทวะของท่านให้ข้าชมอีกสักครั้งได้หรือไม่? ข้าอย่างจะลองเห็นมันตรงๆ ดูสักครั้ง”
เจียงเจิ้นเทานั้นตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธใดๆ เขาจึงใช้วรยุทธวิญญาณลับโกลาหลและปล่อยปราณเทวะของตนเองออกมา
หลังมองดูปราณที่เจียงเจิ้นเทาปล่อยออกมาอย่างถี่ถ้วนแล้วเย่หยวนก็ต้องตัวสั่นไปทั้งร่าง
ปราณเทวะนี้มันช่างลึกลับเสียจริงๆ ที่สำคัญกว่าคือเย่หยวนกลับสัมผัสได้ถึงปราณเทวะโกลาหลจากปราณเทวะของเจียงเจิ้นเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...