หนิงเทียนปิงที่อยู่ด้านนอกนั้นกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะคว้าดาวตรงหน้ามา แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าร่างของตัวเองถูกดูดเข้าไปในหลุมดำอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อเขารู้ตัวอีกทีหนิงเทียนปิงก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ต่อหน้าโม่ลี่เฟยและเย่หยวนแล้ว
“น-นายใหญ่! เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน?” หนิงเทียนปิงถามออกไปด้วยสีหน้าสุดมึนงง
เพราะตัวตนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมันส่งพลังอันรุนแรงออกมาจนทำให้จิตวิญญาณของเขาต้องสั่นไหวไปหมด
เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้อาวุโสท่านนี้ท่านรู้สึกว่าเจ้าช่างมีความสามารถและอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ ท่านจึงเรียกเจ้าเข้ามา”
หนิงเทียนปิงนั้นตอบกลับมาอย่างตื่นตกใจ “รับข้าเป็นศิษย์? ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนายใหญ่หรอกเหรอ?”
“เจานั้นมีอาจารย์อยู่แล้วและจึงไม่เหมาจะมาเป็นศิษย์ของข้าอีกต่อไป! ข้าผู้นี้ต้องการรับเจ้าเข้าเป็นศิษย์ เจ้าจะยอมรับไหม?” โม่ลี่เฟยถาม
“น-แน่นอนสิครับ!” หนิงเทียนปิงตอบกลับไปอย่างไม่คิด
จะบ้าหรือไร? นี่คือยอดฝีมืออาณาจักรเทพถ่องแท้เชียวนะที่ต้องการรับเขาเป็นศิษย์ เป็นโอกาสที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว! มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ?
โม่ลี่เฟยจึงตอบกลับมา “การรับสืบทอดวิชาจากข้า มันหมายความว่าเจ้าต้องจัดการความแค้นให้ข้าด้วย เจ้าจะยอมรับไหม?”
หนิงเทียนปิงทำหน้าเคร่งเครียดหันไปมองเย่หยวนทันที หลังได้เห็นเย่หยวนพยักหน้ารับแล้วเขาจึงกล้าที่จะบอก “ศิษย์น้อมรับ!”
โม่ลี่เฟยยื่นมือออกไปในห้วงอากาศอีกครั้งก่อนจะปรากฏแสงดาวสว่างจ้าออกมาอีกหลายจุด
“ของพวกนี้ล้วนเป็นมรดกจากอาจารย์สู่เจ้า!” โม่ลี่เฟยบอก
เย่หยวนเองก็หันไปมองตามมันก่อนจะค่อยๆ เห็นดวงดาวเหล่านั้นกลายรูปร่างเป็นสมบัติหลายต่อหลายชิ้น
วรยุทธ์บ่มเพาะ สองวิชาวรยุทธ์ต่อสู้ และเม็ดโอสถอีกหลายต่อหลายเม็ด!
เย่หยวนต้องยักคิ้วขึ้นด้วยความสนใจทันทีที่เห็นวิชายุทธ์หนึ่งในนั้น
โม่ลี่เฟยบอก “นี่คือวรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีเป็นวรยุทธ์บ่มเพาะระดับหกสูงสุด มันดีพอที่จะพาเจ้าไปสู่อาณาจักรเทพถ่องแท้ชั้นสูงได้ สองวิชายุทธนี้ หนึ่งเรียกว่าดาบชีวามรณาจันทราดารา อีกหนึ่งชื่อตราประทับชีวาสามนิพพาน! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตราประทับชีวาสามนิพพานนี้มันมีความลึกลับและยากที่จะศึกษานัก แม้แต่ตัวอาจารย์เองก็ยังศึกษาไปได้แค่ระดับที่สองโดยที่วิชานี้จะแบ่งออกเป็นสามตรา โดยมีตรานิพพาน ตราชีวิตและความตาย และตราจุติหกมรรค หากบ่มเพาะไปจนถึงที่สุดแล้วคนผู้นั้นจะสามารถต่อสู้ในระดับเดียวกันอย่างไร้ต้านและถึงกับสามารถชนะข้ามขั้นได้อย่างไม่ยากเย็น!”
เมื่อได้ยินคำบอกของโม่ลี่เฟย หนิงเทียนปิงก็ดีใจจนเนื้อเต้น
เพราะแม้เขาจะยังไม่ได้ทำการบ่มเพาะพวกมัน แต่เขาก็สามารถรับรู้ถึงพลังของสิ่งของเหล่านี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าตราประทับชีวาสามนิพพานที่ว่านี้ มันมีพลังในระดับเทพถ่องแท้อย่างแท้จริง เป็นพลังที่ไร้จำกัด
ด้วยวรยุทธ์บ่มเพาะและวิชายุทธ์เหล่านี้ สถานที่ของเขาจะไม่ใช่แค่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เล็กๆ อีกต่อไป
เขาจะสามารถกางปีกท่องโลกกว้างได้อย่างเต็มที่!
“ผู้อาวุโส ชุดวิชาตราประทับชีวาสามนิพพานทั้งสามนี้ขอข้าน้อยดูมันเสียหน่อยจะได้หรือไม่?” เย่หยวนถาม
เพราะเขารู้สึกได้เลยว่าชุดวิชานี้มันแข็งแกร่งจนเกิดสนใจขึ้นมาอย่างมาก
โม่ลี่เฟยทำหน้าไม่ค่อยอยาก แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับไว้ “เช่นนั้นก็จงเอามันไปดูเถิด”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะขอบคุณทันที “ขอบพระคุณมากผู้เอาวุโส!”
เมื่อต่อหน้าหนิงเทียนปิงแล้ว เย่หยวนก็เริ่มทำตัวอ่อนน้อมต่อโม่ลี่เฟยขึ้นอย่างมาก
เพราะยังไงเสียตอนนี้โม่ลี่เฟยก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของหนิงเทียนปิง เขาไม่อยากจะให้หนิงเทียนปิงรู้สึกสับสนหรือเข้าใจอะไรผิดไป
แต่ว่าโม่ลี่เฟยนั้นมีท่าทางระแวงเย่หยวนอย่างมาก
ส่วนเรื่องที่เย่หยวนขอ เขาเองก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลใดให้ปฏิเสธ
โม่ลี่เฟยยื่นมือออกไปก่อนจะส่งตราประทับชีวาสามนิพพานไปยังตรงหน้าเย่หยวน
เย่หยวนมีสีหน้าที่อยากรู้อยากเห็น เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ส่งจิตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปด้านใน
โม่ลี่เฟยเลิกสนใจเย่หยวนและหันกลับมาหาหนิงเทียนปิง “เจ้ามีพรสวรรค์ที่ไม่เลว แต่วรยุทธ์ที่เจ้าใช้บ่มเพาะมันเป็นของระดับต่ำไปเสียหน่อย อาจารย์จะช่วยเจ้าหลอมวรยุทธ์บ่มเพาะใหม่และเปลี่ยนให้เจ้าได้ใช้วรยุทธ์เมฆาไพศาลฤกษ์ราตรีเดี๋ยวนี้เลย”
หนิงเทียนปิงตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ขอบพระคุณท่านอาจารย์!”
แม้ว่าตอนนี้โม่ลี่เฟยจะเป็นแค่เศษเสี้ยววิญญาณ แต่เขาก็ยังมีพลังมากพอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...