เล้งชิวหลิงยื่นดาบหยกขนาดเล็กมาให้เย่หยวน มันดูหรูหราไม่น้อย
ดาบหยกนี้ใสมาก เมื่อจับมันไว้ในมือแล้วจะรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ทิ่มแทง ดูท่าแล้วไม่น่าจะเป็นของธรรมดาๆ แน่
เย่หยวนเองก็ไม่ได้คิดที่จะปฏิเสธใดๆ ให้ยุ่งยากออกไป “เอาล่ะงั้นข้าจะรับมันไว้ เจ้าขี้หมานั่นก็หายไปแล้วด้วย แม่นางเล้งท่านกลับไปพักผ่อนเสียเถอะ”
เย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะไปหาเล้งชิวหลิงใดๆ เพียงแค่ว่ารับไว้เพื่อให้เล้งชิวหลิงสบายใจ
ที่ด้านข้างหนิงเทียนปิงเองก็ตื่นตกใจไม่น้อย เพราะเขาไม่คิดว่าสาวงามท่าทางดั่งราชินีน้ำแข็งแบบนี้จะกลับมอบของขวัญให้กับเย่หยวน
และที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือเย่หยวนกลับไล่สาวงามคนนี้กลับไปอย่างไม่ใยดี
เล้งชิวหลิงนั้นก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะเวลากว่าห้าร้อยปีมานี้นางเพิ่งจะเคยพบเจอคนเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ต่อให้คนอื่นๆ จะรู้ว่าไม่มีหวัง แต่พวกเขาก็จะยังตามติดนางไว้เพื่อจะได้อยู่ใกล้นางแม้แต่อีกนิดก็ยังดี
แต่ชายคนนี้กลับไล่เธอกลับเสียอย่างนั้น!
“อืม ขอบคุณ”
ด้วยนิสัยของเล้งชิวหลิง มีหรือที่นางจะกล้าพูดเรื่องที่อยากออกมาตรงๆ นางจึงเลือกที่จะเดินจากไปทันที
แต่ในใจของนางนั้น นางรู้สึกไม่พอใจน้อยๆ
หลังเดินไปได้ครึ่งทางนางก็หันมาหาเย่หยวนอีกครั้ง “อ่า จริงด้วย ข้าว่าเจ้าอย่าขึ้นไปบนเขาแห่งถงเทียนเลยจะดีกว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมามันไม่เคยมีนักยุทธอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ากลับลงมาได้เลย!”
หยุดไปนิดนางก็พูดขึ้นต่อ “ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะมาจากที่ไหนมันก็ไม่มีทางรอดหรอกนะ!”
เย่หยวนยิ้มกลับไป “ขอบพระคุณแม่นางมากที่เตือน เย่หยวนคนนี้จะระมัดระวัง”
เห็นท่าทางนั้นของเย่หยวนนางก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่คิดจะฟังคำเตือนนี้เลยแม้แต่น้อย เล้งชิวหลิงจึงได้แต่เดินจากไปอย่างหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก
เมื่อเห็นว่าเล้งชิวหลิงเดินหายลับไป หนิงเทียนปิงก็กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางสุดเสียดาย “ชิชิ นายใหญ่นะนายใหญ่ เห็นสาวงามขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่หวั่นไหวสักนิด”
เย่หยวนได้แต่หัวเราะและดุหนิงเทียนปิงออกมา “ความสัมพันธ์ที่ข้ามีตอนนี้มันก็ยุ่งเหยิงพอแล้ว จะยังมีหน้าไปหลงสาวที่ไหนได้อีก?”
เมื่อหนิงเทียนปิงได้ยินแบบนั้นจิตใจขี้ซุบซิบนินทาของเขาก็ตื่นขึ้นทันที “โอะ? นายใหญ่ท่านมีคนรักด้วยรึ แถมยังมิใช่คนเดียวอีกด้วย! ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย!”
เย่หยนจึงตอบกลับไป “อย่าถามเรื่องที่ตัวเองไม่ควรรู้!”
คนทั้งสองมองดูเล้งชิวหลิงจากไปด้วยหางตาก่อนจะเดินเข้าไปในหอใหญ่กลางเมือง
เมื่อเข้ามาเขาก็พบว่าด้านในหอนั้นมันว่างเปล่า มีแค่ชายแก่ขี้เมาคนเดียวกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์
“เฮอะ เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามารนหาที่ตายอีกแล้ว! เด็กน้อย ข้าจะแนะนำให้ เขาแห่งถงเทียนนั้นมิใช่สนามเด็กเล่น มาทางไหนก็จงกลับไปทางนั้นเสีย!” คนๆ นั้นบอกเย่หยวนโดยที่ไม่คิดแม้แต่จะหันมอง
ขี้เมาคนนี้คงกำลังเมาอยู่ไม่น้อย แต่เย่หยวนกลับไม่สามารถหยั่งพลังของเขาได้เลย
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่แนะนำ แต่ว่าเขาแห่งถงเทียนนั้น ผู้น้อยคนนี้จำเป็นต้องขึ้นไปจริงๆ” เย่หยวนตอบกลับไปอย่างหนักแน่น
ขี้เมาคนนั้นหัวเราะขึ้น “เฮอะๆ เด็กน้อยผู้โง่เขลาและบ้าบิ่น! แต่เจ้านั้น… มาช้าไป! ป้ายของปีนี้มันถูกแจกจ่ายออกไปจนหมดก่อนที่เจ้าจะมาถึงแล้ว หากอยากขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปให้ได้จริงๆ ก็คงรอปีหน้าเสียเถอะ”
เย่หยวนนั้นได้แต่นิ่งเงียบ ช่างโชคไม่ดีเสียจริงๆ
เขาเพิ่งจะพลาดรถด่วนขบวนสุดท้ายไปรึ?
เย่หยวนไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ และยกมือขึ้นประกบตรงหน้า “ผู้อาวุโสท่านจะช่วยผ่อนปรนเรื่องนั้นสักนิดได้หรือไม่?”
เสียงของเขานั้นยังไม่ทันจางหายก็มีร่างสองร่างพุ่งตัวออกมาจากที่ไหนไม่ทราบได้ ปิดด้านหน้าของเย่หยวนไว้
จิตสังหารอันเย็นเหยียบถูกปล่อยออกมาจนทำให้เย่หยวนต้องขมวดคิ้วแน่น
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อยเจ้าคิดว่าที่นี่เราทำงานกันยังไง? ไปๆ หากยังไม่ไปข้าคงไม่สุภาพด้วยแล้ว” ขี้เมาคนนั้นโบกมือไล่
เย่หยวนได้แต่ถอนหายใจและกำลังคิดจะเดินจากไป ก่อนที่จู่ๆ ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนสีไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...