จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1670

สรุปบท ตอนที่ 1670 ลัดคิว: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 1670 ลัดคิว จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1670 ลัดคิว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1670 ลัดคิว
หวู่เฉินนั้นไม่คิดที่จะกังวลเรื่องของเย่หยวนแม้แต่น้อย เพราะเย่หยวนนั้นสามารถหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนได้ ตราบเท่าที่เขาไม่ทำอะไรบ้าบิ่นเสียตายจนเกินไป ยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนเองก็คงไม่บดขยี้เขาเป็นแน่

และต่อให้ไม่มีเขาน้อยแห่งถงเทียน เย่หยวนก็มีพลังเทียบเท่าได้กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว มันมากพอที่จะรับการกดดันจากเขาแห่งถงเทียนได้สบายๆ

เพียงแค่ว่าพลังฝีมือนี้ หากเย่หยวนไม่แสดงออกมาก็จะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงมันได้

เมื่อออกมาจากหอของเฒ่าขี้เมาแล้วเย่หยวนก็มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย หวู่เฉินจึงอธิบายเล่าเรื่องของเฒ่าขี้เมาให้ฟัง

เฒ่าขี้เมาคนนี้เป็นผู้ติดตามของจอมเทพนิรันดร์เมื่อนานมาแล้วในช่วงที่เขายังหนุ่มๆ

จอมเทพนิรันดร์ช่วยชีวิตเขาไว้ จากนั้นเขาจึงตามติดรับใช้จอมเทพนิรันดร์ไปทุกที่อย่างจกรักภักดี

แต่จากนั้นมา ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้เขาเลิกติดตามจอมเทพนิรันดร์และมาประจำการดูแลเมืองตีนใต้นี้

ที่หวู่เฉินแนะนำให้เย่หยวนมาที่เมืองตีนใต้นี้เองก็เพราะเขาคิดถึงเรื่องนี้ไว้บ้างด้วย

ตอนนั้นเฒ่าขี้เมาได้ยินข่าวเรื่องการตายของจอมเทพนิรันดร์ทำให้เขาต้องร้องห่มร้องไห้ยาวนานติดกันไปถึงสามวันสามคืน

จากนั้นเขาก็ตั้งมั่นว่าตัวเองจะต้องล้างแค้นให้จอมเทพนิรันดร์ให้ได้ แต่พลังฝีมือของเขานั้นมันอ่อนแอจนเกินไป จึงได้แต่จมอยู่กับความเศร้าและใช้เหล้าเป็นเครื่องยาใจจวบจนทุกวันนี้

ศัตรูของจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์ แล้วการจะไปให้ถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันยากเย็นขนาดไหน?

หลายวันจากนั้นมันก็เป็นวันครบรอบปีพอดิบพอดี

เขาแห่งถงเทียนค่อยๆ ส่องแสงลงมายังพื้นที่ด้านนอกเมือง

นั่นคือที่ๆ เหล่านักยุทธผู้คิดจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปรวมตัวกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว

พวกเขาทั้งหลายล้วนแต่มีป้ายไม้ในมือ นี่คือป้ายหมายเลขที่เฒ่าขี้เมาออกให้พวกเขา

คนผู้ใดที่ไม่มีป้าย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังเขาแห่งถงเทียน

นี่ไม่ใช่กฎจากเขาแห่งถงเทียน แต่เป็นกฎของเมืองตีนใต้แห่งนี้

ซัวหานหันมองดูรอบกายและพบเย่หยวนอยู่ในกลุ่มคนทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่มีป้ายไม้ในมือ เขาจึงเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที

“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าไม่มีป้ายไม้เสียด้วยซ้ำแล้วยังจะมาที่นี่ทำไมอีก? ข้าเกือบลืมไป วันนั้นเราเป็นพวกสุดท้ายที่เข้าไปเอาป้ายไม้ชุดสุดท้ายมานี่นะ แล้วพวกเจ้ามาทีหลังเรา หมายความว่า… พวกเจ้าคงต้องรอไปอีกปี! ฮ่าๆๆ” ซัวหานหัวเราะลั่น

วันนั้นสมองของเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธจนนึกเรื่องนี้ไม่ออก

เมื่อลองนึกย้อนไป พวกเขานั้นเป็นคนที่หยิบป้ายไม้ชิ้นสุดท้ายมาจริงๆ เย่หยวนคนนี้จึงไม่มีทางที่จะมีป้ายไม้ไปได้

เล้งชิวหลิงมาถึงก่อนพวกเขา และจากนั้นก็เป็นซัวหานที่ตามมาติดๆ

จากนั้นค่อยเป็นเย่หยวนและหนิงเทียนปิง

ซัวหานหัวเราะลั่นดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนเข้ามาทันที

“อ่อ หรือว่าเจ้าคิดมาหาน้องเล้ง! หึๆ เจ้าคิดจริงๆ เรอะว่าข้าผู้นี้จะมองไม่ออกว่านางแค่ใช้เจ้าเป็นโล่? เจ้าคงไม่คิดว่านางสนใจเจ้าจริงๆ หรอกใช่ไหม? เลิกทำอะไรเกินตัวเถอะ เจ้าและนางนั้นอยู่ต่างกันคนละโลก มดปลวกอย่างเจ้าไม่มีทางจะเข้าใจความต่างที่มีได้หรอก ยอมแพ้ไปเสียเถอะ!” ซัวหานไล่เย่หยวนไปอย่างไม่คิดสนใจ

“ไม่หรอกมั้ง? เป็นแค่บรรพชนพระเจ้าแต่กลับใฝ่ฝันถึงแม่นางเล้ง?”

“ช่างไม่ประมาณตัวเองเสียจริงๆ มันไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้างรึ?”

“หึๆ แค่เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามารนหาที่ตาย ขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปครั้งนี้มันคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว ทั้งอย่างนั้นกลับยังอยากจะฝันหาสาวงามอย่างแม่นางเล้งอีก!”

เห็นได้ชัดว่าเล้งชิวหลิงนั้นโด่งดังมาก เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มาในวันนี้หลายต่อหลายคนรู้จักนาง

ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของซัวหาน พวกเขาทั้งหลายจึงช่วยกันรุมว่าเย่หยวนต่อทันที

คนเรามันก็เป็นกันเสียแบบนี้ ความคิดในหัวมีแต่ข้าไม่ได้ เอ็งก็ต้องไม่ได้เช่นกัน

แม้ว่าเรื่องของเย่หยวนและเล้งชิวหลิงจะไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ซัวหานผู้นี้กลับทำให้เย่หยวนตกเป็นเป้าด่าได้ง่ายๆ

เล้งชิวหลิงได้ยินคำพูดของซัวหานเช่นกันก่อนจะตะโกนกลับมาอย่างโกรธเคือง “ซัวหาน เลิกพูดจาไร้สาระเสียที คิดว่าข้าจะไม่กล้าฉีกปากเจ้ารึ?”

แต่ซัวหานกลับยิ้มตอบ “น้องเล้ง หรือว่าข้าพูดสิ่งใดผิด? เจ้าคงไม่ได้หลงเด็กคนนี้เข้าหรอกใช่ไหม?”

ใบหน้าของเล้งชิวหลิงแข็งทื่อลงก่อนจะบอก “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าเสียหน่อย!”

เย่หยวนได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ คำพูดนี้ของเล้งชิวหลิงมันยิ่งจะมีแต่ราดน้ำมันเข้ากองไฟ

คนทั้งสองนี้คือศิษย์น้องของซัวหาน พวกเขาจึงหันหน้าไปขอร้องให้ซัวหานช่วยทำอะไรสักอย่างให้

ซัวหานเองก็มึนงงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

เขาเดินขึ้นมาและยกมือขึ้นประกบถามเฒ่าขี้เมาอย่างเคารพ “นายใหญ่ เรานั้นมาถึงก่อน ทำไมเราต้องมอบป้ายไม้ให้พวกนั้นด้วย?”

เฒ่าขี้เมาตอบ “พ่อเจ้าบอกให้ส่งมา ก็ส่งมา จะพูดมากให้มากความทำไม?”

ที่ด้านข้างคนรอบๆ เองก็มึนงงไม่แพ้กัน พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

“เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้ามาเมืองตีนใต้นี้ก็ตั้งหลายคราทำไมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

“ใช่แล้ว ปกติมันต้องใครมาก่อนได้ก่อนสิ ทำไมเด็กสองคนนั้นมันถึงจะลัดคิวแบบนี้ได้?”

“หรือว่าพวกนั้นจะเป็นศิษย์ของท่าน? แต่ก็ดูไม่น่าใช่!”

ดวงตางามๆ ของเล้งชิวหลิงมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตกใจ

นางได้รู้อีกครั้งแล้วว่านางไม่สามารถอ่านเด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ห่างจากตนมากนักคนนี้ออกเลย

ทั้งๆ ที่พรสวรรค์ดูต่ำต้อย แต่กลับมีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นเสมอๆ

ซัวหานนั้นตกใจกับคำพูดของเฒ่าขี้เมาจนร่างทั้งร่างแทบร่วงลงไปกองกับพื้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเรื่องราวอะไรแบบนี้ มันจึงทำให้สมองของเขาสั่งการไม่ทัน

หากเป็นคนอื่นเขาก็อาจจะพอยอมได้ แต่นี่อีกฝ่ายเป็นเย่หยวน!

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ยอมแพ้ “นายใหญ่ ข้า… ข้าไม่ยอม มันด้วยเรื่องอะไรกัน?”

เฒ่าขี้เมาจึงบอก “เรื่องอะไร? เรื่องที่ว่าเมืองตีนใต้นี้พ่อเจ้าคนนี้เป็นนดูแลยังไงล่ะ! คำพูดของพ่อเจ้าคนนี้ก็คือกฎของเมืองตีนใต้นี้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ