และต่อให้ไม่มีเขาน้อยแห่งถงเทียน เย่หยวนก็มีพลังเทียบเท่าได้กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว มันมากพอที่จะรับการกดดันจากเขาแห่งถงเทียนได้สบายๆ
เพียงแค่ว่าพลังฝีมือนี้ หากเย่หยวนไม่แสดงออกมาก็จะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงมันได้
เมื่อออกมาจากหอของเฒ่าขี้เมาแล้วเย่หยวนก็มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย หวู่เฉินจึงอธิบายเล่าเรื่องของเฒ่าขี้เมาให้ฟัง
เฒ่าขี้เมาคนนี้เป็นผู้ติดตามของจอมเทพนิรันดร์เมื่อนานมาแล้วในช่วงที่เขายังหนุ่มๆ
จอมเทพนิรันดร์ช่วยชีวิตเขาไว้ จากนั้นเขาจึงตามติดรับใช้จอมเทพนิรันดร์ไปทุกที่อย่างจกรักภักดี
แต่จากนั้นมา ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้เขาเลิกติดตามจอมเทพนิรันดร์และมาประจำการดูแลเมืองตีนใต้นี้
ที่หวู่เฉินแนะนำให้เย่หยวนมาที่เมืองตีนใต้นี้เองก็เพราะเขาคิดถึงเรื่องนี้ไว้บ้างด้วย
ตอนนั้นเฒ่าขี้เมาได้ยินข่าวเรื่องการตายของจอมเทพนิรันดร์ทำให้เขาต้องร้องห่มร้องไห้ยาวนานติดกันไปถึงสามวันสามคืน
จากนั้นเขาก็ตั้งมั่นว่าตัวเองจะต้องล้างแค้นให้จอมเทพนิรันดร์ให้ได้ แต่พลังฝีมือของเขานั้นมันอ่อนแอจนเกินไป จึงได้แต่จมอยู่กับความเศร้าและใช้เหล้าเป็นเครื่องยาใจจวบจนทุกวันนี้
ศัตรูของจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์ แล้วการจะไปให้ถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันยากเย็นขนาดไหน?
หลายวันจากนั้นมันก็เป็นวันครบรอบปีพอดิบพอดี
เขาแห่งถงเทียนค่อยๆ ส่องแสงลงมายังพื้นที่ด้านนอกเมือง
นั่นคือที่ๆ เหล่านักยุทธผู้คิดจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปรวมตัวกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว
พวกเขาทั้งหลายล้วนแต่มีป้ายไม้ในมือ นี่คือป้ายหมายเลขที่เฒ่าขี้เมาออกให้พวกเขา
คนผู้ใดที่ไม่มีป้าย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังเขาแห่งถงเทียน
นี่ไม่ใช่กฎจากเขาแห่งถงเทียน แต่เป็นกฎของเมืองตีนใต้แห่งนี้
ซัวหานหันมองดูรอบกายและพบเย่หยวนอยู่ในกลุ่มคนทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่มีป้ายไม้ในมือ เขาจึงเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าไม่มีป้ายไม้เสียด้วยซ้ำแล้วยังจะมาที่นี่ทำไมอีก? ข้าเกือบลืมไป วันนั้นเราเป็นพวกสุดท้ายที่เข้าไปเอาป้ายไม้ชุดสุดท้ายมานี่นะ แล้วพวกเจ้ามาทีหลังเรา หมายความว่า… พวกเจ้าคงต้องรอไปอีกปี! ฮ่าๆๆ” ซัวหานหัวเราะลั่น
วันนั้นสมองของเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธจนนึกเรื่องนี้ไม่ออก
เมื่อลองนึกย้อนไป พวกเขานั้นเป็นคนที่หยิบป้ายไม้ชิ้นสุดท้ายมาจริงๆ เย่หยวนคนนี้จึงไม่มีทางที่จะมีป้ายไม้ไปได้
เล้งชิวหลิงมาถึงก่อนพวกเขา และจากนั้นก็เป็นซัวหานที่ตามมาติดๆ
จากนั้นค่อยเป็นเย่หยวนและหนิงเทียนปิง
ซัวหานหัวเราะลั่นดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนเข้ามาทันที
“อ่อ หรือว่าเจ้าคิดมาหาน้องเล้ง! หึๆ เจ้าคิดจริงๆ เรอะว่าข้าผู้นี้จะมองไม่ออกว่านางแค่ใช้เจ้าเป็นโล่? เจ้าคงไม่คิดว่านางสนใจเจ้าจริงๆ หรอกใช่ไหม? เลิกทำอะไรเกินตัวเถอะ เจ้าและนางนั้นอยู่ต่างกันคนละโลก มดปลวกอย่างเจ้าไม่มีทางจะเข้าใจความต่างที่มีได้หรอก ยอมแพ้ไปเสียเถอะ!” ซัวหานไล่เย่หยวนไปอย่างไม่คิดสนใจ
“ไม่หรอกมั้ง? เป็นแค่บรรพชนพระเจ้าแต่กลับใฝ่ฝันถึงแม่นางเล้ง?”
“ช่างไม่ประมาณตัวเองเสียจริงๆ มันไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้างรึ?”
“หึๆ แค่เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามารนหาที่ตาย ขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปครั้งนี้มันคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว ทั้งอย่างนั้นกลับยังอยากจะฝันหาสาวงามอย่างแม่นางเล้งอีก!”
…
เห็นได้ชัดว่าเล้งชิวหลิงนั้นโด่งดังมาก เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มาในวันนี้หลายต่อหลายคนรู้จักนาง
ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของซัวหาน พวกเขาทั้งหลายจึงช่วยกันรุมว่าเย่หยวนต่อทันที
คนเรามันก็เป็นกันเสียแบบนี้ ความคิดในหัวมีแต่ข้าไม่ได้ เอ็งก็ต้องไม่ได้เช่นกัน
แม้ว่าเรื่องของเย่หยวนและเล้งชิวหลิงจะไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ซัวหานผู้นี้กลับทำให้เย่หยวนตกเป็นเป้าด่าได้ง่ายๆ
เล้งชิวหลิงได้ยินคำพูดของซัวหานเช่นกันก่อนจะตะโกนกลับมาอย่างโกรธเคือง “ซัวหาน เลิกพูดจาไร้สาระเสียที คิดว่าข้าจะไม่กล้าฉีกปากเจ้ารึ?”
แต่ซัวหานกลับยิ้มตอบ “น้องเล้ง หรือว่าข้าพูดสิ่งใดผิด? เจ้าคงไม่ได้หลงเด็กคนนี้เข้าหรอกใช่ไหม?”
ใบหน้าของเล้งชิวหลิงแข็งทื่อลงก่อนจะบอก “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าเสียหน่อย!”
เย่หยวนได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ คำพูดนี้ของเล้งชิวหลิงมันยิ่งจะมีแต่ราดน้ำมันเข้ากองไฟ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...