เย่หยวนนั้นไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางที่เปลี่ยนไปออกมาแม้แต่น้อย ตอนนี้เขายังดูใจเย็นได้อย่างถึงที่สุด
เขานั้นไม่เข้าใจแน่ชัดว่าเจ้าพันธะดาบทองคำนี้มันคืออะไร แต่เขารู้ว่าเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นมาหาเรื่องพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นอกไปเสียจากเขาหน่วงเทพบรรพกาลแล้วเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออก
โซชูเจียพยักหน้ารับ “พวกมันเปิดพันธะดาบทองคำและบอกข้อเรียกร้องมาว่าให้เราส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปให้! หากไม่ใช่เพราะเขาหน่วงเทพบรรพกาลเมืองจักรพรรดิยอดสันติเองก็คงไม่กล้าทำเรื่องราวถึงขั้นนี้”
แม้พวกเขาจะอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเทพสวรรค์เดียวกันแต่ความสัมพันธ์ของเหล่าเมืองจักรพรรดิทั้งหลายก็ไม่ได้ดีงามนัก
เมืองจักรพรรดินั้นต่างจากเมืองหลวง เพราะในด้านภูมิศาสตร์นั้นพวกเขาเหล่าเมืองจักรพรรดิจะตั้งอยู่ห่างไกลกันมาก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จักรพรรดิเทพสวรรค์จะปกครองดูแลเมืองจักรพรรดิในปกครองได้ทั้งหมด
เพราะฉะนั้นเหล่าเมืองจักรพรรดิทั้งหลายจึงมีความเป็นอิสระไม่น้อย
มันจึงทำให้เกิดเรื่องราวการปะทะระหองระแหงกันบ่อยๆ
แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลที่ดีแค่ไหน เวลาปกติแล้วมันก็จะไม่มีเรื่องอย่างว่าเมืองจักรพรรดิหนึ่งถล่มทำลายอีกเมืองจักรพรรดิลง
หากให้เทียบแล้วเมืองจักรพรรดิมันก็คงคล้ายๆ กับเมืองขึ้นดีๆ นี่เอง
การที่เมืองจักรพรรดิหนึ่งจะเข้ามาทำอะไรกับอีกเมืองจักรพรรดิได้นั้นพวกเขาต้องทำผ่านตราดาบทองคำกับอีกฝ่ายเท่านั้น
พันธะดาบทองคำที่เมืองจักรพรรดิยอดสันติใช้นั้นคือวิธีแรกของตราดาบทองคำ มันเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่เน้นความสงบมากกว่า
นี่คือวิธีที่จะนำเบื้องบนของเมืองทั้งสองมาเข้าปะทะกัน และผู้แพ้ต้องส่งของที่ผู้ชนะร้องขอออกมาให้อีกฝ่ายอย่างไม่เว้น!
ส่วนวิธีการที่สองนั้นคือการทำลายดาบทองคำนี้ เพื่อเป็นการแสดงถึงการสู้จนตัวตายของทั้งสองฝ่าย
เมื่อถึงเวลานั้นเมืองจักรพรรดิทั้งสองจะเข้าสู่การทำสงครามทันที
เย่หยวนเริ่มเข้าใจถึงเจ้าพันธะดาบทองคำนี้และหันไปถามโซชูเจีย “ท่านเจ้าเมือง ท่านกับเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นไม่ทราบว่าผู้ใดที่เหนือกว่ากัน?”
โซชูเจียหรี่ตาลงทันทีด้วยความตื่นตกใจในหัวใจ
หรือว่าเย่หยวนคนนี้จะคิดเสนอให้พวกเขาเสี่ยงชีวิตแลกความตายกับเมืองจักรพรรดิยอดสันติ?
เขาส่ายหัวออกมา “เย่หยวน ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยอมง่ายๆ แต่เมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นเป็นเมืองระดับกลางค่อนไปทางสูงในหมู่สิบเมืองสันเขาใต้ของเรา เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของเราไม่มีทางใดที่จะต่อต้านพวกมันได้เลย ส่วนเรื่องของเฉียวอันชาน แม้ว่าเขาคนนั้นจะมีพลังบ่มเพาะเท่ากับข้า เป็นนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์สองดาวเหมือนๆ กัน แต่เขา…เขานั้นอยู่บนจุดสูงสุดของระดับสองดาวแล้ว ข้านั้นไม่สามารถเทียบเคียงเขาได้”
เย่หยวนยิ้มตอบ “งั้นหาก…หากข้าให้ท่านยืมเขาหน่วงเทพบรรพกาลใช้ล่ะ?”
โซชูเจียสั่นสะท้านไปทั้งร่างเมื่อได้ยินและตอบออกมาอย่างดีอกดีใจ “หากข้ามีเขาหน่วงเทพบรรพกาลในมือข้ามั่นใจว่าอย่างน้อยๆ ข้าก็มีโอกาสชนะเจ็ดในสิบ!”
แต่ว่าเขาก็กลับมามีท่าทีหม่นหมองแทบจะทันที “ไม่ได้การหรอก เมืองจักรพรรดิยอดสันตินั้นมีนักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์ถึงสี่คน ต่อให้สามคนในนั้นจะเป็นแค่นักยุทธอาณาจักรนภาสวรรค์หนึ่งดาว แต่ลำพังแค่เหอชงคนเดียวมันก็ไม่มีทางรับมือได้เลย”
เย่หยวนผายมือออกมาแสดงให้เห็นเขาสีดำสนิท
“ท่านเจ้าเมือง เย่หยวนคนนี้ไม่ใช่คนขี้เหนียวขี้งก แต่เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้มันยังมีประโยชน์ต่อข้ามากมายนัก แต่มอบให้ท่านไปตอนนี้มันก็ไม่มีปัญหานัก สิบปีจากนี้ไป เขาหน่วงเทพบรรพกาลนี้จะขอมอบให้ท่านเจ้าเมืองดูแล ข้าหวังว่าท่านเจ้าเมืองจำใช้มันนำชัยมาสู่เมืองของเรา!”
พูดจบเย่หยวนก็ดันมือออกมาส่งเขาหน่วงเทพบรรพกาลลงบนมือของโซชูเจีย
โซชูเจียนั้นตื่นตกใจอย่างมาก เขาไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะมีน้ำใจงามเช่นนี้ เขายอมที่จะปล่อยให้เขายืมใช้เขาหน่วงเทพบรรพกาลโดยไม่ปริปากบ่นใดๆ
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายตกใจ เย่หยวนก็นำเชือกสีทองเข้มออกมาอีกเส้น
โซชูเจียและเหอชงเปิดตากว้างทันที “เชือกมัดเซียน!”
เย่หยวนโยนเชือกมัดเซียนให้แก่เหอชงไปและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยอดผู้อาวุโส เชือกมัดเซียนนี้มันไม่เป็นประโยชน์ใดแก่ข้า ขอมอบมันให้แก่ท่าน”
ได้ยินแบบนั้นเหอชงก็ได้แต่นั่งนิ่ง
เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าตัวเองจะได้ครอบครองสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำเข้าจนได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...