“ฮ่าๆ สะใจดีจริง! เฒ่าคนนี้ต่อสู้กับเจ้าเด็กน้อยหรงซูนั้นมาก็ตั้งหลายปี แต่ก็ทำอะไรให้มันไม่ได้ แต่เจ้ากลับใช้เวลาแค่สามเดือนก็สามารถจัดการมันไปได้อย่างหมดจดแล้ว” เล่งหยูบอกออกมาพร้อมหัวเราะร่า
เจิ่งชีเองก็ยิ้มกว้างไม่ต่างกัน “ไอ้เฒ่านั้น ช่วงเวลาหลายต่อหลายปีที่ข้าเป็นผู้อาวุโสใหญ่หอยุทธมาก็ต้องลำบากเพราะมันไม่น้อย ตอนนี้มันรู้สึกโล่งดีเสียจริง”
หอยุทธนั้นต้องพึ่งพาหอโอสถ นี่คือเรื่องที่เลี่ยงมิได้ ไม่ว่าใครจะขึ้นมารับตำแหน่งก็ตาม
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเล่งหยูหรือเจิ่งชีที่ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่มา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก
ต่อให้ทั้งสองจะมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำกว่าหรงซูก็ตาม
เวลาสามเดือนผ่านไป หรงซูได้ออกมาจากนรกฟอกเทพและพบว่าเรื่องราวทุกสิ่งอย่างมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นไม่มีใครคิดต้อนรับเขาอีกแล้ว
ต่อให้เป็นเหล่าผู้อาวุโสหอโอสถที่เคยมาขอคำแนะนำปรึกษาเรื่องต่างๆ กับเขาก็ยังหันหน้าไปหาเย่หยวนแทน
หากให้มองจากมุมของหรงซู เขาคงคิดว่าคนพวกนี้มันเข้าไปเลียนเท้าเหม็นๆ ของเย่หยวน
ทั้งๆ อย่างนั้นทุกคนกลับเลือกที่จะทนกลิ่นของมัน
พวกเล่งหยูทั้งสามคนนั้นแสดงความชื่นชมต่อตัวเย่หยวนอย่างมาก
เย่หยวนนั้นต่างจากพวกเขา ทั้งเรื่องวิชายุทธและวิชาโอสถ ฝีมือของเขานั้นมันเหนือล้ำมากกว่าใครๆ
ต่อยหน้า แล้วยื่นขนม
ต่อยไปอีกหมัด แล้วยื่นขนมอีก
เขาไม่คิดที่จะผลักไสผู้คน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เข้ามาใกล้เช่นกัน เขาแค่ปล่อยให้คนเหล่านั้นรออยู่หน้าทางเข้า
เหล่าผู้อาวุโสและอาจารย์ทั้งหลายต่างทำตามคำสั่งของเย่หยวนทุกอย่างแล้วตอนนี้
เย่หยวนสั่งไปตะวันออก ก็จะไม่มีใครกล้าเดินไปทางตะวันตกเด็ดขาด
ในหมากการเมืองนี้เย่หยวนสามารถเล่นมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เล่งหยูเองก็ได้แต่มองภาพเหล่านั้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตาในช่วงเวลาหลายวันมานี้
เด็กคนนี้มันเพิ่งจะอายุไม่กี่ร้อยปีจริงๆ หรือ?
ดูยังไงก็เป็นปีศาจเฒ่าเจ้าเล่ห์ชัดๆ!
เย่หยวนยิ้มออกมา “หรงซูนั้นปรารถนาในพลังอำนาจมากเกินไป หากคนแบบนี้ได้อำนาจภายในคงแตกระแหง ข้าเองก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งกับเรื่องราวยุ่งยากแบบนี้ แต่ไหนๆ ข้าก็สัญญากับท่านเจ้าเมืองไว้แล้ว ข้าย่อมต้องทำตามให้ถึงที่สุด”
ซวนอี้พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าทำดีเกินพอแล้ว! ตอนนี้หอโอสถนั้นกลับเข้าร่องเข้ารอยได้ก็เพราะการจัดการดูแลของเจ้า เจ้าทำการอย่างเที่ยงตรง ไม่แสดงความลำเอียงต่อฝ่ายใด แม้ว่ามันจะยังเป็นเวลาไม่นานนักแต่เจ้าก็ชนะใจผู้คนไปได้แล้ว”
เล่งหยูพยักหน้ารับบ้าง “เจ้าเด็กคนนี้มีฝีมือไม่เลวจริงๆ เก่งกาจกว่าคนแก่คนเฒ่าอย่างเราๆ นัก ไม่ว่าจะเป็นหอยุทธหรือหอโอสถต่างก็ยอมรับในตัวเจ้ากันหมด ผู้อาวุโสใหญ่เย่หยวน! ฮ่าๆ ดีจริงๆ เฒ่าคนนี้จะได้ถอนตัวอย่างไร้กังวลใดๆ”
การตัดสินเรื่องราวในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ของเย่หยวนนั้นมันไม่มีความลำเอียงใดๆ
ไม่กี่วันก่อน มีคนหยิ่งผยองที่อวดอ้างว่าตัวเองดีเด่นกว่าคนอื่นเพราะตัวเองได้รับความชอบมากกว่า จนสุดท้ายโดนเย่หยวนลงโทษไป
ตั้งแต่นั้นมาเย่หยวนก็ตัดสินเรื่องราวต่างๆ ด้วยความยุติธรรม
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ในตอนนี้คงเรียกได้ว่ามันแข็งแกร่งเป็นปึกแผ่น
เย่หยวนหันไปมองเล่งหยู “พี่เล่ง เวลาก็ผ่านไปหลายต่อหลายปีแล้วท่านยังไม่แตะฐานมันเสียทีหรือ?”
เล่งหยูได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “จะไปง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร? การเดินครึ่งก้าวนี้มันยากเหมือนการเดินขึ้นสวรรค์เลย!”
เพราะแม้ว่าเล่งหยูจะถูกเรียกว่าเป็นยอดอัจฉริยะแค่ไหน การจะบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์มันก็ยังไม่ใช่เรื่องราวที่เขาจะทำได้สำเร็จง่ายๆ เลย
หลายร้อยปีมานี้ แม้ว่าพลังบ่มเพาะก็เขาจะพัฒนาขึ้นอย่างเหนือล้ำ แต่หลายร้อยปีมานี้เขาก็ได้ใช้ความรู้ที่สั่งสมมาไว้จนหมดแล้ว
เพราะการบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พื้นฐานของคน
เย่หยวนยิ้มออกมา “ว่ามันยาก มันก็ยาก แต่หากว่ามันไม่ยาก มันก็อาจจะไม่ยากเลย!”
คำพูดนี้ทำให้ทั้งเล่งหยูและเจิ่งชีร่างสั่นสะท้านไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...