ตอนนี้ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์จากเมืองจักรพรรดิยอดสันติได้ทำการกดดันฝ่ายเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างเต็มตัว
เพราะยังไงพวกเขานั้นก็เป็นยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์มานาน ไม่ว่าจะเรื่องปราณเทวะหรือพลังโลกพวกเขาย่อมเหนือกว่าฝ่ายพวกเล่งหยูที่เพิ่งจะบรรลุไปมาก
แรกๆ ความต่างนี้มันอาจจะยังไม่ส่งผล แต่เมื่อเวลาผ่านเลยไป ความแตกต่างทั้งหลายมันก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น
ตอนนี้แม้แต่โซชูเจียเองก็ทำท่าจะแพ้แล้วเหมือนกัน
“เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่! ท่านเจ้าเมืองแทบสู้ไม่ไหวแล้ว!”
“ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ของเมืองจักรพรรดิยอดสันติมันแข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าฝ่ายเราจะเก่งกาจแค่ไหนแต่การที่เพิ่งบรรลุมาแบบนี้ พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวมากพอ!”
“เอายังไงดี? หรือว่า…วรยุทธสายอินทรีสวรรค์จะต้องจบสิ้นลงเพียงเท่านี้แล้ว?”
…
ไกลออกมาเหล่านักยุทธในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ต่างแสดงท่าทางสีหน้าเป็นกังวล
ความดีใจที่ได้สองยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เพิ่มมาของพวกเขานั้นหายลับไปหมดแล้ว
“ฮ่าๆ โซชูเจีย มีสี่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์แล้วมันทำไม? ด้วยพลังฝีมือเท่านี้มีหรือที่จะมาเทียบเคียงข้าได้?”
เฉียวอันชานหัวเราะลั่นพร้อมปล่อยท่าจู่โจมออกมาไม่พัก ยังคงรักษาความได้เปรียบไว้อย่างเหนียวแน่น
โซชูเจียเองก็ค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ จนเริ่มเสียพลังไปหลายส่วน
คนอื่นๆ เองก็เจอสภาพที่ไม่ต่างกันนัก
เหวินอี้หลินหัวเราะร่า “ข้าบอกว่ายังไงล่ะ? มดปลวกมันก็เป็นได้แค่มดปลวก! เจ้าคิดว่าช่องว่างความห่างหนึ่งแสนปีมันจะมาทดแทนได้ง่ายๆ ด้วยการบรรลุอาณาจักรนภาสวรรค์รึ? ฮ่าๆ ตายไปเถอะ!”
ผู้ตรวจการหันมายิ้มใส่เย่หยวน “นี่ไง เจ้ายังไม่คิดว่าข้าต้องช่วยชีวิตเจ้าอีกรึ?”
การแลกโอสถกับการช่วยชีวิตเย่หยวนและการให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถให้นั้นมันต่างกันสิ้นเชิง
การให้เย่หยวนช่วยหลอมโอสถให้เฉยๆ นั้นมันเท่ากับการที่เขาต้องติดหนี้บุญคุณเย่หยวน
สำหรับนักยุทธ มันไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการติดหนี้บุญคุณแล้ว
เพราะหากบุญคุณนั้นไม่ได้ตอบแทน เมื่อทำการบรรลุมันก็จะทำให้เกิดมารจิตขึ้น ผลที่ตามมามันจะหนักหนาอย่างสาหัสมาก
เพราะฉะนั้นสำหรับนักยุทธ พวกเขาจึงเลือกที่จะแลกเปลี่ยนและไม่ยอมติดหนี้ใครง่ายๆ
สำหรับเย่หวนเองก็เช่นกัน
ผู้ตรวจการคนนี้นั้นมีตำแหน่งที่สูงส่ง หากทำให้เขาติดหนี้บุญคุณได้มันก็เท่ากับว่าเขามีประกันเรื่องความปลอดภัยในสิบเมืองสันเขาใต้ไปแล้ว
การแลกเปลี่ยนเช่นนี้ หากไม่คิดทำเขาย่อมเป็นคนโง่!
ใบหน้าของเย่หยวนนั้นไม่มีท่าทีกังวลใดๆ และตอบไป “ใช่ ไม่จำเป็นหรอกท่าน”
ผู้ตรวจการได้แต่ส่ายหัวออกมา รู้สึกว่าเย่หยวนนั้นเป็นคนประเภทที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
แต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรจึงตอบมาด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ข้าให้โอกาสเจ้าเปล่าๆ นะ อีกไม่นานเจ้าคงได้มาก้มหัวขอร้องข้าแน่!”
เย่หยวนยิ้ม “หากข้ารับคำไปตอนนี้ อีกไม่นานท่านผู้ตรวจการคงได้เสียหน้าแย่”
ผู้ตรวจการหัวเราะขึ้นมาเมื่อได้ยินเย่หยวนพูดแบบนั้น “เจ้าเด็กคนนี้น่าสนใจจริงๆ ข้าล่ะอยากเห็นเหลือเกินว่ามันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆ ไหม”
เย่หยวนตอบ “ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เป็นกำลังต่างหาก!”
ผู้ตรวจการได้แต่ส่ายหัวไปมาและหัวเราะกับตัวเอง เขาไม่คิดที่จะเถียงไปมากับเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว
ที่บนท้องฟ้านั้น สภาพของโซชูเจียที่ใกล้แพ้ยิ่งปรากฏเด่นชัดขึ้น
เฉียวอันชานนั้นแสดงสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจก่อนจะตะโกนลั่นออกมาพร้อมขวานยักษ์ในมือ “โซชูเจีย ขวานนี้จะส่งเจ้าไปโลกหน้าเอง! ขวานจอมมารผ่าสวรรค์ ตายเสียเถอะ!”
ขวานยักษ์นี้เป็นสมบัตินภาสวรรค์เลิศล้ำ มันเป็นขวานที่ให้พลังราวกับจะผ่าฟ้าดินได้
ดูท่านี่คงเป็นท่าสังหารที่แท้จริงของเฉียวอันชานแล้ว
เสียงร้องดังขึ้นมาจากนักยุทธทั้งหลาย พวกเขาหลายคนถึงขั้นเลือกที่จะหลับตาลงเพราะไม่สามารถทนดูร่างของเจ้าเมืองตัวเองอย่างโซชูเจียถูกหั่นแยกออกจากกันได้
ตู้ม!
เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าขึ้น แต่ร่างของโซชูเจียกลับไม่ได้แยกออกจากกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...