“สวยงามมาก!”
“ในที่สุดก็มีคนสั่งสอนเจ้าสัตว์ร้ายนี่สักที!”
“ถึงความโกรธแค้นนี้จะจางลงแต่ด้วยนิสัยของเจ้าเจียนหยู่นั่น มันต้องหาทางมาเอาคืนแน่!”
“พี่ชายของมัน เจียนปิงนั้นเป็นสมาชิกของศาลามายาล้ำ พลังฝีมือของเขาจึงสูงส่งไม่น้อยเลย!”
…
เมื่อทุกคนเห็นว่าขาของเจียนหยู่หักลงแล้วจริงๆ พวกเขาทั้งหลายก็ต่างรู้สึกสดชื่นในใจ จนต้องตะโกนโห่ร้องชื่นชมออกมาอย่างไม่หยุด
เจียนหยู่ผู้นี้ ปกติแล้วเป็นคนที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ทำตัวกร่างข่มขู่ผู้คนมานานหลายต่อหลายปี
วันนี้ในที่สุดก็มีใครที่กล้าจะสั่งสอนมันปรากฏตัวขึ้น
แต่เรื่องของเรื่องก็คือนั่นทำให้พวกเขายิ่งเป็นห่วงเย่หยวนหนักกว่าเก่า
เพราะยังไงเสีย ตระกูลเจียนก็เป็นตระกูลใหญ่ที่ห้ามไปมีเรื่องด้วย
“นายท่าน นี่มันเป็นความผิดของเสี่ยวหรานทั้งสิ้น ข้าขอโทษด้วย! ท่านรีบๆ ไปเถอะ! เจียนหยู่นั่นมีอำนาจมากมันไม่ปล่อยท่านไว้แบบนี้แน่ๆ” จางเสี่ยวหรานพยายามประคองจางห่าวเทียนด้วยสภาพทุลักทุเล
เย่หยวนไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่เขาเดินเข้าไปยังด้านหน้าของจางห่าวเทียนแทนและหยิบเม็ดโอสถออกมาให้
การโจมตีที่เขารับไม่เมื่อสักครู่นี้รุนแรงไม่น้อย อาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้จึงไม่น้อยและเจ็บจนพูดไม่ได้ไปแล้ว
เย่หยวนมองดูเสี่ยวหรานและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้านั้นอยากแต่งงานไปเป็นเมียน้อยนางบำเรอของเจียนหยู่หรือไม่?”
จางเสี่ยวหรานส่ายหัวออกมาอย่างรุนแรง “ต่อให้ตายข้าก็ไม่แต่งกับมัน!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “เอาล่ะ งั้นก็รอมันมากัน”
จางเสี่ยวหรานหน้าถอดสีทันทีและโบกมือปัดอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด “ไม่ๆๆ นายท่านต้องรีบหนีสิ! พี่ชายของเจียนหยู่นั้นเป็นคนของศาลามายาล้ำเลยนะ”
เย่หยวนตื่นตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น และตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “คนของศาลามายาล้ำ? งั้นก็พอดีเลย ข้าเองก็กำลังหาทางไปศาลามายาล้ำอยู่”
เมื่อคนรอบๆ ได้ยินคำพูดนั้นของเย่หยวนพวกเขาทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวออกมา
เด็กคนนี้มันอารมณ์ร้อนเกินไป เขาไม่รู้เลยว่าศาลามายาล้ำนั่นคืออะไร เป็นสัญลักษณ์แบบไหนในเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย!
“นายท่านผู้นี้ เป็นเฒ่าคนนี้เองที่ได้ลากเจ้าเข้ามายุ่งเกี่ยว ท่านจงรีบไปเถอะ ท่านอย่าได้ไปลบหลู่ศาลามายาล้ำเลย! อย่างมากที่สุดเฒ่าคนนี้ก็แค่สู้กับพวกมันจนตัวตายเท่านั้น!” จางห่าวเทียนบอก
จางเสี่ยวหรานเองก็มีท่าทางตื่นตะลึง เพราะตอนนี้นางได้เห็นแล้วว่าสภาพของจางห่าวเทียนที่ดูย่ำแย่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนกลับมามีพลังและแทบจะหายดีแล้ว!
โอสถนี้มันจะวิเศษเกินไปแล้วใช่ไหม?
เย่หยวนยิ้มตอบ “ผู้เฒ่า ขาของท่านคงโดนพิษหมาป่าพิษราบมากระมัง?”
จางห่าวเทียนเงียบนิ่งไปทันที เวลานี้มันยังใช่เวลามาห่วงเรื่องขาของเขาอีกหรือ?
แต่ว่าเขาก็ยังพยักหน้ารับออกมา “ใช่แล้ว ตอนนั้นเราสองสามีภรรยาเดินทางพาลูกน้อยเกิดใหม่ เสี่ยวหรานของเรากลับมายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะไปเจอหมาป่าพิษราบเข้าระหว่างทาง แม่ของเสี่ยวหรานไม่ลังเลที่จะสละร่างของนางเป็นอาหารให้พวกมันเพื่อถ่วงเวลาให้เราสองพ่อลูกหนีออกมาได้ แต่ทว่าสุดท้ายขาของเฒ่าคนนี้ก็ยังถูกมันกัดเข้า เฮ้อ คนที่ควรตายไปตอนนั้นน่าจะเป็นเฒ่าคนนี้มากกว่าแท้ๆ ใครจะไปคิด…”
พูดถึงตรงนี้จางห่าวเทียนก็ดูจะนึกได้ถึงความทรงจำอันขมขื่นเมื่อวันวานจนน้ำตาไหลลงมานองหน้า
“ท่านพ่อ อย่าได้โทษว่าตัวเองอีกเลย นี่มันมิใช่ความผิดของท่านเลย!” จางเสี่ยวหรานเองก็มีน้ำตานองหน้าไม่แพ้กัน
เย่หยวนเองก็ไม่คิดว่าพ่อลูกคู่นี้จะได้เจอเรื่องราวที่แสนน่าเศร้าแบบนี้มา
แต่ว่าเรื่องราวเช่นนี้มันนับได้ว่าเป็นปกติของชีวิตเหล่านักยุทธ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก่งกาจมีความสามารถท้าทายสวรรค์เหมือนที่เย่หยวนมี
นักยุทธส่วนมากนั้นได้แต่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากที่จุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร
พิษของหมาป่าพิษราบนั้นเป็นพิษที่แสนรุนแรงและยากแก่การรักษามากๆ
เพราะฉะนั้นร่างกายของจางห่าวเทียนจึงแก่ตัวลงเร็วกว่าปกติไม่น้อย
แถมขาของเขาก็ยังใช้งานไม่ได้อีกเพราะพิษที่ยังคั่งค้าง
เย่หยวนนั้นได้แต่ถอนหายใจออกมา “งั้นข้าจะรักษาให้แล้วกัน”
จางห่าวเทียนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “เหตุผลที่เราสองพ่อลูกต้องมีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้ก็เพราะว่าขาของเฒ่าคนนี้แหละ เวลาหลายปีมานี้เฒ่าคนนี้เสาะหายาวิเศษหมอเทวดามามากมาย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดจะรักษาขานี้ได้เลย”
เย่หยวนยิ้มออกมา “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ใดๆ หรอก แค่ใช้เข็มทิ่มๆ แทงๆ ก็พอแล้ว”
พูดจบเย่หยวนก็นำเข็มเงินออกมาวางเตรียมและเริ่มทำการทิ่มมันลงบนขาของเกือบขาดของจางห่าวเทียน
“เด็กน้อย อย่าได้อวดอ้างตัวเองอีกเลย ขาของเฒ่าจางนั้นแม้แต่อาจารย์หลี่ซิวชิงท่านยังรักษาไม่ได้ แล้วเจ้าเนี่ยนะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...