จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1706

สรุปบท ตอนที่ 1706 แลกเปลี่ยน: จอมเทพโอสถ

ตอน ตอนที่ 1706 แลกเปลี่ยน จาก จอมเทพโอสถ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 1706 แลกเปลี่ยน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 1706 แลกเปลี่ยน
“อ้าก! ตาข้า!”

เจียนปิงกรีดร้องพร้อมยกมือขึ้นปิดดวงตาไว้ ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้น

การเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันนี้มันทำให้ทุกผู้คนได้แต่มองภาพนี้อย่างตกตะลึง

เจียนปิงมาถึงพร้อมท่าทางข่มขู่ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจู่ๆ จะเป็นตัวเขาเองที่เมื่อจ้องมองดูเย่หยวนแล้วต้องล้มลง

มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

เดิมทีเจียนหยู่นั้นมีใบหน้าที่แสนพึงพอใจมาก แต่เมื่อเห็นเจียนปิงล้มลงเช่นนั้นตัวของเขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าคำพูดลอยๆ ของเขามันไปจะสะกิดความสงสัยของเจียนปิงเข้าอย่างแรง

แค่มองครั้งเดียวก็ตาบอด!

“ท-ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกัน? อย่ามาแกล้งหลอกข้านะ!” เจียนหยู่พูดด้วยความตื่นตกใจ

“เจ็บ! ตาข้าเจ็บปวดเหลือเกิน!” เจียนปิงกรีดร้องอกมาอย่างไม่หยุด

เจียนหยู่นั้นได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองต้องทำอะไรต่อไป

คนรอบๆ เองก็มีสภาพไม่ต่างจากเขาไปนัก

“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้เจียนปิงได้ใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเด็กหนุ่มคนนี้ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ว่าคลื่นพลังของเขาไม่ติดอันดับหรอกรึ? ทำไมเจียนปิงถึงกลายสภาพเป็นอย่างนี้ไปได้ด้วยการจ้องมองครั้งเดียวกัน?”

“ทำไมตอนเรามองมันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยเล่า? เดี๋ยวนะ ข้าจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้บอกว่าศาสตร์การดูของเจียนหยู่มันต่ำต้อยเกินไป หรือว่า…”

“เขายังบอกมาด้วยว่าเพราะเจียนหยู่ยังตาไม่บอด! นี่มัน…”

คนรอบๆ เริ่มตื่นตัวรู้ถึงเรื่องราวขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้เย่หยวนบอกว่าเพราะตาของเจียนหยู่ยังไม่บอด มันจึงหมายความว่าศาสตร์การดูรัศมีของเขาต่ำต้อยเกินไป!

แต่ตอนนี้เจียนปิงกลับมองดูเย่หยวนแค่ครั้งเดียวและตาบอดไป!

หมายความว่าชะตาของเด็กหนุ่มคนนี้มันไม่ได้ต่ำจนไม่ติดอันดับ แต่มันอยู่สูงจนพวกเขามองไม่ถึงต่างหาก!

จะเป็นชะตาแบบไหนกันที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนั้น?

อย่างน้อยๆ มัน… ต้องเป็นรัศมีจักรพรรดิ!

ทุกคนนั้นตื่นตระหนกขึ้นมาในจิตใจ จะบอกว่าชายหนุ่มคนนี้มีดวงชะตาในตำนานอย่างรัศมีจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ?

เย่หยวนมองดูเจียนหยู่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหมือนว่าความสามารถของเขาจะเหนือล้ำกว่าเจ้านะ เขานั้น… ตาบอดไป แต่เจ้ากลับไม่มีปัญญาแม้แต่จะบอดเสียด้วยซ้ำ”

ร่างของเจียนหยู่สั่นสะท้าน ใบหน้าของเขายังดูท่าไม่อยากยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

ตอนนี้เขาได้เข้าใจแล้วว่าคำพูดของเย่หยวนนั้นมันหมายถึงอะไรกันแน่

และเขาก็ได้เข้าใจด้วยว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงได้กลายสภาพเป็นแบบนี้ไปในพริบตา

“เจ้า… เจ้ากลับมีรัศมีในตำนานอย่างรัศมีจักรพรรดิ! นี่มัน… เป็นไปไม่ได้น่า!” เจียนหยู่ร้องร่ำออกมา

เย่หยวนยักไหล่ให้และบอกอย่างหมดแรงจะเถียง “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นรัศมีจักรพรรดิหรืออะไรกันแน่ เพราะจนทุกวันนี้มันก็ยังไม่มีใครที่มองออกได้เลย”

ในเรื่องนี้เย่หยวนก็ไม่รู้เช่นกันว่าผลที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร

เขาเองก็อยากจะรู้ว่าชะตากรรมของเขามันอยู่ในระดับใด แต่น่าเสียดายที่แม้แต่เจียนเจิ้นเทาผู้แข็งแกร่งปานนั้นก็ยังตาบอดไปหลังจากมองแค่ครั้งเดียว

รัศมีจักรพรรดิอะไรนี่เองก็เป็นแค่การคาดเดาของเจียนเจิ้นเทา

เจียนหยู่หน้าถอดสีทันที คำพูดเหล่านี้… มันจะโอหังเกินไปแล้ว!

แต่หากเขาเป็นถึงระดับรัศมีจักรพรรดิจริงๆ ศาลามายาล้ำจะต้องต้อนรับเขาอย่างทรงเกียรติแน่

งั้นก็หมายความว่าเขาจะทำอะไรชายคนไม่ได้แล้ว!

เพราะยังไงเสียเมื่อมีรัศมีวิญญาณถึงระดับจักรพรรดิ หากไม่เกิดเรื่องพลาดพลั้งใดไป วันข้างหน้าพวกเขาก็จะได้กลายเป็นยอดคนที่ปกครองทั้งดินแดน

คนระดับนี้ ต่อให้เป็นตระกูลเจียนก็อยากจะผูกสัมพันธ์ไว้เช่นกัน

เพราะยังไงเสียเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนั้นก็เป็นแค่เมืองจักรพรรดิเมืองหนึ่ง ต่อให้มันจะถูกเรียกว่าเป็นดินแดนของตระกูลเจียน แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ก็ยังเป็นแค่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์เท่านั้น

การสร้างสัมพันธ์กับยอดคนในวันหน้าไว้ นี่มันคือสาเหตุความทรงพลังที่ตระกูลเจียนมีในทุกวันนี้

เพราะว่าพวกเขามี ‘ดวงตาแห่งความรู้’ ที่คนอื่นๆ ไม่มีกัน พวกเขาจึงรู้ว่าใครควรผูกมิตรไว้บ้าง

แต่เรื่องนั้นมันก็ทำให้คนตระกูลเจียนเย่อหยิ่งไม่น้อย เพราะหากโชคชะตาไม่สูงส่ง พวกเขาทั้งหลายนี้ก็จะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

เย่หยวนค่อยๆ เดินไปหาเจียนปิงและนั้นทำให้เจียนหยู่หน้าถอดสีทันที “จ-เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าขอเตือนเลยนะว่าพี่ชายของข้าเป็นคนของศาลามายาล้ำอย่างแท้จริง หากเจ้ากล้าทำร้ายเขาแม้แต่ปลายเส้นผม เจ้าจะไม่มีทางรอดออกจากเมืองนี้ไปง่ายๆ แน่!”

“เขาอยากจะช่วยพ่อลูกจาง แต่เขาก็ไม่ได้นึกถึงเลยว่าศาลามายาล้ำนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน”

“คนที่ประเมินตัวเองสูงจนเกินไป แค่นักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาวกลับเข้าไปใกล้อาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวแบบนั้น ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะยังเป็นอะไรไปได้อีก?”

ในฝูงชนที่มุงดู พวกเขาหลายคนเสียดาย และบ้างก็บ่นว่าเย่หยวนนั้นขาดประสบการณ์เกินไป

จางห่าวเทียนนั้นแข้งขาหมดแรงได้แต่ทรุดลงนั่ง

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้มันทำเอาเขาไม่มีแรงจะยืนต่อ

“ตาของเจ้านั้นถูกยอดเต๋าสะท้อนกลับใส่ ต่อให้รักษากายภาพหาย มันก็คงกลับไปสู่จุดสูงสุดไม่ได้ เจ้า… ไม่อยากหายเหรอ?”

ตอนนั้นเอง ท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวลก็เกิดเสียงหนึ่งลอยออกมา

ทุกคนอ้าปากกว้าง เด็กคนนี้… ยังไม่ตาย?

เป็นไปได้ยังไง?

เจียนปิงนั้นกำลังหัวเราะลั่นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด แต่เมื่อได้ยินเสียงนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปทันทีด้วยความตื่นตะลึงจนสุดชีวิต

“เจ้า… ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตายกัน?” เจียนปิงถาม

เย่หยวนตอบกลับมาอย่างสบายๆ “หากคิดจะสังหารข้าเจ้านั้นยังอ่อนหัดไป ครานี้เจ้าควรขอบคุณความที่ตัวเองเป็นคนจากศาลามายาล้ำนะ ไม่เช่นนั้น… เจ้าคงตายแล้ว เออ ช่างเถอะ เรามาคุยเรื่องข้อตกลงกันดีกว่า ข้าจะช่วยรักษาดวงตาของเจ้าให้ แต่เจ้าพี่น้องต้องสาบานต่อหน้ายอดเต๋าว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพ่อลูกจางอีกในวันข้างหน้า”

เจียนปิงร่างกายสั่นสะท้านทันที “เจ้า… เจ้ารักษาตาข้าได้?”

เย่หยวนตอบกลับไป “ได้แน่สิ! จริงๆ ที่ข้ามาเมืองจักรพรรดิเลิศประกายวันนี้ก็เพื่อจะช่วยรักษาดวงตาให้ท่านผู้อาวุโสเจียนเจิ้นเทา”

เจียนปิงสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้งและถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ดวงตาของท่านผู้อาวุโสเจียน หรือมันจะเป็นเพราะว่าเขาใช้ศาสตร์ดูกับเจ้า?”

เย่หยวนหยักหน้ารับ “ใช่แล้ว! ข้อเสนอนี้เจ้าว่าอย่างไร?”

เจียนปิงนั้นตื่นตะลึงในหัวใจจนสุดที่จะบรรยายออกมาได้

ผู้อาวุโสเจียนนั้นได้รับคำเชิญจากเมืองหลวงลาถสายน้ำเพื่อออกไปเป็นผู้จัดงานประมูล แต่เขากลับมาพร้อมกับดวงตาที่บอดดับ จนตอนนี้ก็ยังรักษาไม่หาย

แต่เจียนปิงไม่เคยคาดคิดเลยว่าผู้อาวุโสเจียนนั้นจะตาบอดลงเพราะใช้ศาสตร์การดูรัศมีกับเย่หยวนคนนี้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ