สาวงามนั้นย่อมจะไม่ยอมปล่อยให้ร่างกายของตัวเองอาบไปด้วยกลิ่นยาเหม็นสาบ
ทาแป้งกลิ่นและน้ำหอมทับ มันจึงช่วยลดให้กลิ่นยาสมุนไพรต่างๆ บนร่างนางนั้นเบาบางลงได้อย่างมาก
แต่ถึงจะเบาบางแค่ไหนเย่หยวนก็ยังใช้การดมแค่ครั้งเดียวแยกออกมาได้มากมายขนาดนั้น ความสามารถนี้มันจึงน่าเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด
“ไม่นึกเลยว่าน้องเย่จะปิดปังความสามารถไว้มากขนาดนี้!” ด้วนเผิงมองดูเย่หยวนด้วยความตื่นเต้นอย่างล้นใบหน้า
เพราะการมียอดนักหลอมโอสถเช่นนี้อยู่ด้วย มันไม่แปลกหรอกที่เขาจะตื่นเต้นดีใจ!
เพราะกลุ่มนักล่าที่มีเทพโอสถอยู่ด้วยนั้นมันจะเกิดการสูญเสียได้น้อยมาก
เพียงแค่ว่าเหล่าเทพโอสถนั้นมีราคาที่แพงมาก มากจนคนทั่วๆ ไปไม่มีปัญญาจ้างมาด้วย
เย่หยวนหันไปบอกหยูจิง “แมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิงนั้นเป็นแมลงหายากที่หาในโลกภายนอกไม่มีทางเจอ พิษชนิดนี้เองก็เป็นสิ่งที่ยุ่งยากพอๆ กับตัวเจ้าของพิษมัน มันผสานไปด้วยธาตุไฟและน้ำแข็ง สองธาตุนี้เข้าไปป่วนร่างกายทำให้หยินหยางเสียสมดุล มันเป็นพิษที่ทรมานร่างกายของนักยุทธอย่างมากชนิดหนึ่ง”
หยูจิงพยักหน้ารับ “ใช่ๆๆ ใช่เลย! เย่หยวน เจ้ารู้…รู้วิธีรักษาหรือ?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “พิษนี้มันรุนแรงจริงๆ ตอนนี้ข้าเองก็ยังทำอะไรกับมันไม่ได้”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาหยูจิงก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แต่ที่ด้านข้างลัวยองกลับหัวเราะขึ้นลั่น “ฮ่าๆ เจ้าพูดมาเกือบครึ่งวันแต่ที่แท้ก็ไม่มีปัญญาทำอะไร! ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเก่งเสียแค่ไหน ใครจะไปรู้ว่าพูดมาตั้งแต่มากมายสุดท้ายมันก็ไม่ต่างกับผายลม!”
เย่หยวนไม่คิดที่จะหันไปสนใจอะไรเขาและหันกลับไปบอกหยูจิง “พี่จิง สถานที่ๆ น้องชายท่านถูกแมลงนี้กัดเป็นที่ใดท่านพอจะรู้หรือไม่?”
หยูจิงส่ายหัวออกมา “พวกเขาถูกไล่ล่าด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งจนหนีหัวซุกหัวซุนไม่รู้ทิศเหนือใต้ เขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองไปโดนกัดเข้าที่ใด”
เมื่อลัวยองได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาอีก
เท่านี้มันก็ไม่มีร่องรอยใดๆ แล้วใช่ไหม?
เย่หยวนไม่รู้สึกอะไรและถามขึ้นมาอีก “งั้น…พวกท่านทั้งหลายคุ้นชินกับเทือกเขาเทพอสูรนี้ดี พวกท่านพอจะรู้จักสถานที่มืดๆ ที่มันอับชื้นหน่อย เต็มไปด้วยกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ แต่ก็ยังเป็นที่ๆ ไฟความร้อนจากแผ่นดินแสนรุนแรงไหม?”
หยูจิงส่ายหัวออกมาทันที แต่ด้วนเผิงกลับบอก “หากเป็นที่เช่นนั้นข้าพอรู้จักอยู่ที่หนึ่ง”
เมื่อทุกคนได้ยินพวกเขาก็หันไปหาด้วนเผิงก่อนจะได้ยินคำว่า “หุบร้ายวารี!”
คนอื่นๆ ยังอยู่นิ่งแต่เป็นลัวยองที่หน้าเปลี่ยนสีและพูดขึ้นมาก่อนใครๆ “หุบร้ายวารีในตำนานที่ว่ากันว่าไม่มีใครกลับมาได้?”
ด้วนเผิงบอก “ใช่แล้ว!”
เย่หยวนพยักหน้าและบอก “นั่นแหละ! ลองไปดูที่นั่นกันหน่อย!”
คำพูดของเย่หยวนมันทำให้ทุกคนนิ่งงันไปทันที
ด้วนเผิงนั้นไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะบอกให้ออกเดินทางไปยังที่แห่งนั้นในทันที จึงได้กล่าวขึ้น “น้องเย่จะดูถูกเรื่องราวในโลกหล้าไปหน่อยไหม? การเดินทางครั้งนี้ของเราในเทือกเขาเทพอสูรนั้นมีเป้าหมายอื่นอยู่แล้ว การอ้อมไปแวะที่หุบร้ายวารีนั้นมันคงไม่เหมาะหรอกใช่หรือไม่? ที่สำคัญหุบร้ายวารีนั้นยังเป็นสถานที่แสนอันตราย มีแมลงพิษร้ายมากมายหลบซ่อนอยู่ภายใน พลาดทีเดียวคงได้ถึงชีวิตเป็นแน่”
ลัวยองเองก็เย้ยขึ้นมาตาม “เด็กน้อย กลุ่มของเรานั้นถูกหัวหน้าด้วนจ้างมา ทำไมเจ้าถึงได้ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้าเล่า?”
เมื่อหยูจิงได้ยินคำของเย่หยวนนางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจทันที
แต่เย่หยวนกลับตอบไป “เย่ผู้นี้เป็นนักหลอมโอสถ ในสายตาของข้าแล้วมันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการช่วยชีวิตผู้คน นอกจากนั้น…หากให้พูดถึงอันตรายแล้ว เป้าหมายที่เราจะไปกันครานี้มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าหุบร้ายวารีใช่ไหมล่ะ?”
นั่นทำให้ใบหน้าของด้วนเผิงถอดสีทันทีและเงียบปากลง
ลัวยองเองก็เปลี่ยนสีหน้าไปเช่นกันก่อนจะถามขึ้น “เด็กน้อย เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
เย่หยวนยิ้มตอบไป “เปล่าหรอก หัวหน้าด้วนบอกเราว่าคราก่อนที่เขาเข้ามาในเทือกเขาเทพอสูรนี้เขาได้ไปเจอสถานที่หนึ่งที่มันมีผลภูติดินปีกเงินขึ้น แต่เขาคงไม่ได้บอกพวกเจ้าใช่หรือไม่ว่าผลภูติดินปีกเงินจะมีวานรอสูรตาม่วง สัตว์อสูรที่แสนทรงพลังขนาดนี้ปกปักอยู่ แต่ยังไม่เท่านั้นเพราะในพื้นที่นี้มันคงจะมีดอกเครือเขียวตาข่ายหยกขึ้นอยู่ด้วยแน่นอน และดอกเครือเขียวตาข่ายหยกนี้ก็จะมีค้างคาวพิษรัตติกาลปกปัก หากให้นับรวมๆ แล้วมันคงไม่ได้ดีไปกว่าหุบร้ายวารีหรอกใช่ไหมล่ะ?”
คำพูดนี้ของเย่หยวนมันทำให้ทุกคนสั่นสะท้านขึ้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...