เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น “ไม่ดีแล้ว คลื่นพลังเช่นนี้…วานรอสูรตาม่วงกำลังคลั่ง!”
นั่นทำให้ทุกผู้คนหน้าซีดเผือดทันที คลื่นพลังที่แสนรุนแรงนี้มันทำให้หัวใจของพวกเขาแทบหยุดเต้น
ด้วนเผิงนั้นมีหน้าซีดราวกับไก่ต้ม “หากวานรอสูรตาม่วงคลั่งไปแล้ว มันก็อาจจะขึ้นไปถึงระดับราชันพระเจ้าเจ็ดดาวได้เลย! นี่มัน…เราจะทำอย่างไรดี?”
คำพูดนี้มันทำให้ทุกผู้คนต้องคิดหนัก ก่อนที่ทุกคนต้องหยุดเดินลงเพราะภาพการต่อสู้ของวานรอสูรตาม่วงกับสัตว์อสูรยักษ์ที่เห็นตรงหน้า
สัตว์อสูรตัวนี้มันมีพลังที่ล้อเหลือเช่นกัน คงอยู่ในยอดระดับสี่!
แต่ว่าเจ้าวานรอสูรตาม่วงที่กำลังคลั่งนั้นกลับแข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่ง!
หมัดคู่นั้นรัวออกมาราวปืนใหญ่ ต่อยเจ้าสัตว์อสูรตัวยักษ์นั้นจนไม่มีปัญญาจะตอบโต้ใดๆ กลับมาได้
เย่หยวนนั้นมีสายตาที่เฉียบคม แค่เมื่อปราดเดียวเขาก็เห็นว่าผลภูติดินปีกเงินในถ้ำนั้นสุกเต็มที่แล้ว!
ดูท่าเจ้าสัตว์อสูรตัวยักษ์นี้จะถูกกลิ่นมันล่อมา
เมื่อใดก็ตามที่วานรอสูรตาม่วงจัดการเจ้าสัตว์อสูรยักษ์นี้ลงได้ มันก็คงมุ่งหน้าไปเก็บผลภูติดินปีกเงินกินทันที
“อสูรเกราะชาด! มิน่าล่ะถึงปะทะกับวานรอสูรตาม่วงที่กำลังคลั่งได้!” เย่หยวนบอก
หยูจิงสัมผัสได้ถึงพลังที่ลึกล้ำของวานรอสูรตาม่วง หน้าของนางนั้นขาวซีดไร้สีเลือด “เย่หยวน เรา…ไม่เอาแล้วไหม? เจ้าวานรอสูรตาม่วงนี้มันแข็งแกร่งเกินไป ต่อให้เป็นเจ้าก็…”
หยูจิงพูดมาได้แค่นี้ แต่ความหมายของนางนั้นแสนชัดเจน
เย่หยวนนั้นคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวานรอสูรตาม่วง เพราะฉะนั้นอย่าออกไปเสี่ยงจะดีกว่า
ทุกคนเข้าใจดีว่าแม้เย่หยวนจะมีพลังพอสังหารราชันพระเจ้าหกดาวด้วยกระบวนท่าเดียว แต่การจะไปปะทะสัตว์อสูรระดับราชันพระเจ้าเจ็ดดาวมันก็ยังคงเกินมือไป
เพราะระหว่างราชันพระเจ้าหกดาวและราชันพระเจ้าเจ็ดดาวนั้นมันมีคอขวดที่ยิ่งใหญ่อยู่ พลังฝีมือความแข็งแกร่งของทั้งสองนั้นทิ้งห่างกันลิบลับ
หากเย่หยวนสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าสี่ดาวได้มันก็อาจจะเป็นอีกเรื่อง
แต่ตอนนี้เย่หยวนยังเป็นแค่ราชันพระเจ้าสามดาวในสายตาของพวกเขา ตัวของเย่หยวนนั้นจึงจะห่างจากเจ้าวานรอสูรตาม่วงคลั่งถึงสองชั้น
ความห่างชั้นระดับนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะใช้พรสวรรค์มากลบทับได้
เพราะอย่างไรเสีย แต่ละชั้นในอาณาจักรราชันพระเจ้านั้นมันก็แสนจะห่างไกลกัน ไม่ต้องไปพูดถึงสองชั้นเลย
ด้วนเผิงเปิดปากพยายามที่จะพูด แต่ก็ไม่พูดออกมา
เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวเขานั้นไม่มีสิทธิ์พูดอะไร
แต่หากจะให้ถอยตอนนี้ เขาก็ไม่ค่อยอยากยอมสักเท่าไหร่
การเดินทางไปกับเย่หยวนที่หุบร้ายวารีนั้น เขาต้องเสี่ยงชีวิตไม่น้อย
สุดท้ายแล้วหากไม่ได้อะไรเลย เขาจะยังยอมได้หรือ?
ตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้ง หมัดเหล็กของวานรอสูรตาม่วงต่อยร่างอสูรเกราะชาดจนปลิวไป เจ้าอสูรเกราะชาดนั้นตายอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นทำให้เย่หยวนหน้าเปลี่ยนสีและพุ่งตัวออกไปราวกับสายฟ้าทันที
“ทำตามแผนที่วางกันไว้!”
พูดจบเย่หยวนก็หายไป
เมื่อเขาปรากฏออกมาอีกครั้ง เขาก็ไปยืนอยู่หน้าเจ้าวานรอสูรตาม่วงอันดุร้ายแล้ว
นั่นทำให้คนทั้งสี่หน้าถอดสีทันที ไม่คิดไม่ฝันว่าเย่หยวนจะบ้าบิ่นขนาดนี้ จะห้ามตอนนี้มันก็คงสายไปแล้ว
ด้วนเผิงเปลี่ยนสีหน้าไปมาด้วยความลังเลก่อนจะกัดฟันพูดขึ้น “น้องเย่ช่างเป็นคนที่รักษาคำมั่น การได้เจอเขาในครานี้มันเป็นโชคของด้วนเผิงคนนี้จริงๆ”
ในเทือกเขาเทพอสูรนี้ การได้เจอสหายนิสัยเช่นนี้นั้นนับได้ว่าเป็นอะไรที่ยากเสียยิ่งกว่ายาก
หยูจิงบอกออกมาด้วยท่าทางกังวล “อืม น้องเย่เป็นคนดีจริงๆ!”
อย่างที่เขาว่า เพื่อนแท้นั้นคือเพื่อนยามยาก มันเป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้จะเจอศัตรูที่ทรงพลัง เย่หยวนก็กล้าที่จะก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล ของแบบนี้เมื่อได้เห็นจะยังมีใครไม่ประทับใจได้อีก?
เย่หยวนเข้าห้วงมิติและมุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำ เป้าหมายที่เขาพุ่งเข้าไปหานั้นคือตัวผลภูติดินปีกเงิน!
เจ้าวานรอสูรตาม่วงนั้นเพิ่งจะชนะยอดศัตรูไป มันจึงไม่คิดว่าจะมีศัตรูที่ไหนโผล่ออกมาอีก ส่งผลให้มันโกรธคลั่งออกมาอย่างถึงที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...