บนต้นนั้นมันมีผลไม้สีขาวอมฟ้าอยู่เจ็ดถึงแปดลูก และแน่นอนว่ามันคือผลภูติดินปีกเงิน
พวกด้วนเผิงนั้นรีบเก็บผลภูติดินปีกเงินเข้ากระเป๋าอย่างไม่รอช้า
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปลึกในถ้ำต่อและได้พบกับแหล่งที่มีดอกเครือเขียวตาข่ายหยกขึ้นจริงๆ
ด้วนเผิงกล่าวออกมาอย่างซาบซึ้ง “น้องเย่ผู้นี้ช่างมากความสามารถ รู้จักที่อยู่ของพืชสมุรไพรใดๆ ราวกับมันขึ้นอยู่บนฝ่ามือ!”
หยูจิงบอก “เขารักษาได้แม้แต่พิษแมลงน้ำแข็งเมฆาเพลิง เรื่องแค่นี้จะยังเป็นปัญหาใด?”
ด้วนเผิงพยักหน้ารับ “ทุกคนเตรียมตัว! ระวังพวกค้างคาวพิษรัตติกาลลอบโจมตีด้วย!”
ทุกผู้คนพยักหน้ารับและเตรียมผงที่เย่หยวนมอบให้มา
ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างเชื่อมั่นใจพลังฝีมือและความสามารถของเย่หยวนจนหมดใจ
หากเย่หยวนบอกมาว่าผงนี้มีประโยชน์ มันย่อมมีประโยชน์อย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้นด้วยพลังของค้างคาวพิษรัตติกาลที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าวานรอสูรตาม่วง พวกเขาจะกล้าเดินเข้ามาดุ่มๆ เช่นนี้หรือ?
เมื่อทำการเตรียมผงเสร็จเรียบร้อยพวกเขาทั้งหลายก็มุ่งหน้าเข้ามาเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยก
เป็นเวลานั้นเองที่เกิดเสียงกระพือปีกดังขึ้นมาจากด้านในถ้ำลึก
จากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็ได้เห็นฝูงค้างคาวบินเข้ามาหาคนทั้งสี่อย่างดุดัน
ค้างคาวพวกนี้มีขนาดตัวพอๆ กับหัวมนุษย์ หน้าตาน่ากลัวและน่าสยดสยองอย่างถึงที่สุด
“ถอย!”
ด้วนเผิงตะโกนบอกพร้อมๆ กับโปรยผงที่เย่หยวนให้มาออกไป คนทั้งสามเองก็ทำตาม
“จี้! จี้!”
จู่ๆ เหล่าค้างคาวพิษรัตติกาลอันแสนดุดันก็ส่งเสียงร้องอันทรมานออกมา
เหล่าค้างคาวดิ้นไปมากลางอากาศอยู่นิดหน่อยก่อนที่จะตกลงมาพร้อมเลือดไหลเป็นสาย
เหล่าค้างคาวพิษรัตติกาลที่เหลือก็เหมือนได้เจอกับศัตรูคู่แค้น ได้แต่บินวนไปมาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้แม้แต่น้อย
คนทั้งหลายได้เห็นเช่นนี้พวกเขาก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างงงงัน
“ผงนี่มันช่างแรงเสียจริงๆ สัตว์อสูรระดับสี่อย่างค้างคาวพิษรัตติกาลตายลงไปง่ายๆ ในพริบตาเลย!”
“เจ้านี่ดูอย่างไรมันก็เหมือนผงสลายศพชัดๆ แต่พลังของมันนั้นเหนือล้ำกว่าไม่รู้กี่เท่า!”
ด้วนเผิงนั้นยังตื่นตัวและตะโกนบอก “รีบลงมือ!”
คนทั้งหลายไม่กล้าชักช้า รีบเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยกไปอย่างเร่งรีบ
พวกค้างคาวพิษรัตติกาลได้แต่มองดูภาพตรงหน้าโดยที่ไม่กล้าจะขยับตัวเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย
เพราะผงที่กระจายอยู่ในอากาศตอนนี้มันคือพิษร้ายสำหรับพวกมัน
ด้วนเผิงและพวกเก็บดอกเครือเขียวตาข่ายหยกมาอย่างเร่งรีบและถอยออกมาอย่างรีบร้อน
เมื่อคนทั้งสี่กำลังจะออกจากปากถ้ำพวกเขาก็พบว่ามีคลื่นพลังแสนรุนแรงกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาจากระยะไกลพร้อมเสียงกู่ร้อง
ด้วนเผิงหน้าถอดสีตะโกนออกมา “ไม่ดีเลว วานรอสูรตาม่วง! หรือว่า…”
น้ำตาของหยูจิงไหลย้อยลงมาพร้อมส่ายหัวอย่างไม่มีหยุด “ไม่! น้องเย่ไม่ตายแน่!”
ด้วนเผิงบอก “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแล้ว หากถูกวานรอสูรตาม่วงจับได้พวกเขาคงตายแน่! รีบวิ่ง!”
แล้วจะยังมีใครกล้าอยู่ต่อ? พวกเขาใช้แรงทั้งหมดที่มีวิ่งหนีอย่างสุดตัว คิดอยากที่จะหนีให้พ้นระยะของวานรอสูรตาม่วง
“โฮ่ก!”
“โฮ่ก!”
วานรอสูรตาม่วงเองก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่เหนือล้ำ
ด้วนเผิงหันหน้าไปมองจนหัวใจต้องตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ตอนนี้เจ้าวานรอสูรตาม่วงที่กำลังคลั่งอยู่นั้นมีแสงสีม่วงสว่างขึ้นมาที่ดวงตา แสงที่เหมือนจะกลืนกินวิญญาณผู้คนนี้มันคือเครื่องหมายแสดงว่าวานรอสูรตาม่วงกำลังคลั่งอย่างถึงที่สุดแล้ว
วานรอสูรตาม่วงในสภาพนี้ มันย่อมมีพลังที่สุดน่าสะพรึง!
เพราะแม้แต่เย่หยวนยังหนีจากวานรอสูรตาม่วงไม่พ้น คนพวกนี้ย่อมไม่มีทางหนีได้
ในคนทั้งสี่นั้นหยูจิงเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม และความเร็วของนางเองก็นับว่าช้าที่สุด
ไม่กี่อึดใจเจ้าวานรอสูรตาม่วงก็ตามมาถึง
จู่ๆ หยูจิงก็หยุดเท้าลงและหันไปมองวานรอสูรตาม่วงอย่างโกรธแค้น “เจ้าสัตว์ร้าย เจ้ากล้าสังหารน้องเย่ ข้าจะสู้กับเจ้าให้รู้ดำรู้แดงเอง!”
พูดจบนางก็ใช้แรงที่เหลือทั้งหมดพุ่งตัวเข้าใส่วานรอสูรตาม่วงด้วยดาบในมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...