จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1755

ตอนที่ 1755 ทำลายล้าง
เมื่อหลอมโอสถเสร็จสิ้นแล้ว เย่หยวนก็หันไปมองดูฉีเฟิงอย่างใจเย็น

ปกติวิธีการหลอมที่สมบูรณ์แบบนั้นมันย่อมไม่มีค่าใดๆ ในสายตาของเย่หยวน

แต่กับการหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เย่หยวนมีแต่ต้องชื่นชมว่าฉีเฟิงนั้นช่วยเขาได้มากจริงๆ

เทียบกับมู่หยวนชุนแล้วฉีเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก

เมื่อเขาเริ่มเข้าสู่สภาวะเรียนรู้แล้ว สายตาของเย่หยวนก็จะคมกริบจนน่ากลัว

การที่เขาขึ้นมาเป็นยอดนักหลอมโอสถในแดนศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับทักษะการเรียนรู้ที่รวดเร็วของเขา

ตอนนั้นในเมืองบึงเมฆ เย่หยวนสามารถชนะการประลองนับพันครั้งมาได้ติดๆ กันและได้รับรู้ถึงจุดเด่นที่คู่ต่อสู้ของเขามีมามากมาย

เมื่อนำมันมารวมกับทักษะการวิเคราะห์ทำความเข้าใจของเขาแล้ว นี่มันจึงเป็นวิธีที่เขาใช้พัฒนาการหลอมโอสถของตัวเอง

เย่หยวนไม่ชอบใบหน้ามั่นใจเกินตัวและโอหังเกินเหตุของฉีเฟิง แต่เรื่องนี้มันไม่ได้ทำให้เขาไม่อยากที่จะเรียนรู้จากวิชาของฉีเฟิง

เมื่อรวมมันเข้ากับทฤษฎีที่เขาได้อ่านมาจากศาลาสวรรค์หลวง เย่หยวนก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองนั้นได้เข้าใจทุกสิ่งอย่างแล้ว

สุดท้ายฉีเฟิงก็หยุดมือลงและหลอมโอสถได้เสร็จสิ้นพร้อมๆ กับรอยยิ้มแห่งผู้มีชัย

เพราะการหลอมโอสถในครั้งนี้ เขาพอใจกับผลลัพธ์ของมันมาก

แต่ว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาเขาก็พบว่าเย่หยวนกำลังมองดูเขาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย นั่นทำให้เขาต้องอดหน้าถอดสีไม่ได้

เจ้าหมอนี่มันมีความเร็วในการหลอมโอสถที่เหนือล้ำจริง!

“หึ ยังไม่ทันเปิดเตาจะมาทำหน้ายิ้มเพื่อ?” ฉีเฟิงตอบกลับรอยยิ้มนั้นไป

เย่หยวนยังยิ้ม “จะเปิดหรือไม่ ผลมันก็ออกมาแน่ๆ แล้ว การแข่งขันในด้านโอสถนั้นข้าไม่เคยจะพ่ายแพ้ใครมาก่อน”

คำพูดเหล่านั้นมันช่างอวดดี!

แต่มันก็เป็นเรื่องจริง

ตั้งแต่ตอนที่เย่หยวนยังเป็นแค่จอมเทพโอสถสามดาว เขาก็สามารถบดขยี้ทำลายล้างจอมเทพโอสถสี่ดาวจนแหลกเละได้

ตั้งแต่การเดินจากการดินแดนศักดิ์สิทธิ์มา เย่หยวนเคยแพ้ทั้งในด้านการต่อสู้ แพ้ในด้านค่ายกล มีเพียงแค่ด้านการโอสถเท่านั้นที่เขาไม่เคยจะแพ้ใครมาก่อน!

แม้แต่ตอนนี้ที่เขาต้องเริ่มทุกอย่างใหม่ตั้งแต่ต้น

ในเรื่องของโอสถ เย่หยวนนั้นมีความมั่นใจที่เปี่ยมล้น

แต่คำพูดเหล่านั้นมันย่อมสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้มุงดูอย่างมาก

“ไอ้เด็กฝึกหัดคนนี้มันช่างอวดดีจริง! คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน?”

“อวดอ้างอย่างเกินจริง ไม่กลัวว่าสวรรค์จะทะลุเพราะคำโม้ของมัน! แค่ท่าทางเงอะงะนั้นของมันจะหลอมโอสถขั้นสูงได้หรือเปล่ายังไม่รู้?”

“มาขุดหลุมรอมันกันเถอะ เวลามันแพ้มันจะได้มีที่มุดดินหนี!”

คนที่ได้เข้ามาในวิหารนักบวชนั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะ

ที่สำคัญในหมู่พวกเขานั้น หลายคนนังเป็นนักบวชที่อยู่มานาน ได้ยินเช่นนั้นพวกเขาย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา

แต่ในการโอสถนั้นเย่หยวนไม่คิดที่จะสนใจเรื่องความอิจฉาริษยาใดๆ

เพราะเขามีฝีมือที่มากพอจะอวดอ้างได้แบบนั้น

ฉีเฟิงยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น “การประลองหลอมโอสถนั้นไม่ได้วัดกันที่ความเร็ว จะอวดอ้างใดเจ้าต้องมีฝีมือรองรับมันด้วย! เปิด!”

เมื่อฉีเฟิงพลิกฝ่ามือเม็ดโอสถนั้นก็ลอยขึ้นมาจากหม้อหลอม

กลิ่นโอสถหอมคลุ้งไปทั่วทำให้ทุกผู้คนต่างต้องจ้องมองอย่างตะลึง “ขั้นยอดเยี่ยม!”

ฉีเฟิงเองก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก เขาหันไปมองเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “เห็นนี่ไหม? นี่แหละคือฝีมือของนักบวชที่แท้จริง นักบวชฝึกหัดทำได้แค่เงยหน้ามองดูเท่านั้น! เอาล่ะส่งผลปั้นจั่นอายุกับหญ้ามายาวิญญาณสู้สวรรค์มา!”

หญ้ามายาวิญญาณสู้สวรรค์นั้นคือสมุนไพรระดับสี่อีกอย่างหนึ่งที่ใช้เป็นสินดวลอีกชิ้น

เพราะครั้งนี้ฉีเฟิงนั้นวางเดิมพันไว้สูงมากด้วยแต้มถึงสองพันแต้ม

เย่หยวนที่ไม่มีแต้มใดๆ เหลือแล้วจึงได้แต่ต้องใช้สมุนไพรวางเป็นสินเดิมพันการดวล

วิหารนักบวชนั้นมีแนวคิดที่ว่าเน้นคุณภาพก่อนปริมาณ คนที่ขึ้นมาเป็นนักบวชได้นั้นย่อมล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนทั้งสิ้น

และฉีเฟิงก็คือหนึ่งในยอดคนเหล่านั้น

โดยปกติแล้วเขาย่อมสามารถหลอมขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ