เมื่อผู้อาวุโสหลี่เข้ามา เขาก็บ่นออกมาชุดใหญ่
ตอนนี้มีผู้อาวุโสหลายคนกำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ ทั้งฉีหยู นิคุน คูมู่ต่างอยู่กันพร้อม
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นได้ยินคำบ่นกร้าวของผู้อาวุโสหลี่ พวกเขาต่างก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ผู้อาวุโสหลี่ ไอ้เด็กคนนั้นมันก่อเรื่องอีกแล้ว?” นิคุนกล่าวถามขึ้น
ผู้อาวุโสหลี่ยิ้มเยาะออกมา “จะเป็นอะไรไปได้อีก? เฒ่าคนนี้ยังสอนไปได้ไม่ถึงครึ่งไอ้เด็กคนนั้นมันก็ถามขึ้นมาถึงสิบครา! สิบ! ยังจะสอนได้อย่างไรกัน?”
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็เข้าใจอารมณ์นั้นอย่างดีและร่วมกันว่ากล่าวเย่หยวน
“เจ้าเย่หยวนคนนี้มันช่างไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่เสียจริงๆ! ตอนครั้งก่อนที่ข้าสอนมันก็ขัดข้าจนไม่รู้จะสอนต่ออย่างไร!”
“ใช่ไหม? ตั้งแต่ที่ไอ้เด็กคนนั้นมันขึ้นมาเป็นนักบวชเต็มตัว วิหารเราก็ไม่ได้มีความสงบสุขใดๆ เลย!”
“เหมือนราวกับว่ามันมีอะไรไม่พอใจเหล่าผู้อาวุโสเรา ไปสอนทีไรมันก็จะถามอะไรแปลกๆ และนอกเหนือกฎเกณฑ์ ทำเอาข้าจะช้ำใจตาย!”
…
เหล่าผู้อาวุโสทุกๆ คนต่างแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างมาก แต่คำพูดที่พวกเขาบอกออกมามันกลับแสดงได้ถึงความหมดสิ้นปัญญาอย่างถึงที่สุด
เพราะว่าคำถามของเย่หยวนนั้นมันล้วนแล้วแต่เป็นคำถามที่พวกเขาไม่มีปัญญาตอบ
จุดบกพร่องที่เย่หยวนพบเจอ มันถูกต้องและแม่นยำ
เพราะว่าเช่นนี้นี่เองพวกเขาทั้งหลายจึงได้แต่กัดฟันด่าว่าเย่หยวนด้วยความเกลียดชัง แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อเย่หยวนได้จริงๆ
เพราะว่าเขาคนนั้นมันช่างเก่งกาจ!
ไม่เชื่อก็ให้ลองไปโต้วาทีกับเขาดู!
เหล่าผู้อาวุโสนั้นล้วนแต่มีตำแหน่งหน้าตาสูงส่งเหนือผู้คน ได้รับการยอมรับและเคารพนับถือจากทั้งนักบวชและนักบวชฝึกหัด
แต่เย่หยวนคนนี้เข้ามาอยู่ได้ไม่นานกลับทำให้เรื่องราวเหล่านั้นล่มพังไม่เป็นท่า
เหล่าผู้อาวุโสนั้นต่างรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหน้าจะเอาไปไว้ที่ไหนแล้ว
นิคุนบอก “ไอ้เด็กคนนี้มันเกินทนจริงๆ! มันคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่? แบบนี้วิหารนักบวชเราคงได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแน่ๆ!”
ดูท่าแล้วการสอนของนิคุนเองก็คงโดยเย่หยวนสาดคำถามใส่เช่นกัน ที่สำคัญคำถามนั้นมันคงไม่น้อยเลยทีเดียว
นิคุนนั้นไม่ค่อยชอบเย่หยวนมาตั้งแต่ต้นแล้ว ตอนนี้เขายิ่งไม่สามารถอดทนอยู่กับเย่หยวนได้ไปใหญ่
เมื่อผู้อาวุโสหลี่ได้ยินเขาก็บอก “ผู้อาวุโสนิ ไอ้เด็กคนนี้มันต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง! ไม่เช่นนั้นมันจะยิ่งได้ใจไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ!”
“แล้วจะสั่งสอนมันอย่างไร? ธรรมเนียมการถามคำถามระหว่างฟังการเทศน์บรรยายนี้มีมาตั้งแต่โบราณกาล หรือเราจะห้ามไม่ให้มันพูด? ทำเช่นนั้นหากเรื่องราวแพร่กระจายออกไปมันยิ่งมีแต่ทำให้เราไม่มีหน้าไปพบผู้คนเอาไม่ใช่หรือ?” คูมู่บอก
นิคุนยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “เฒ่าคนนี้หาทางจะจัดการกับไอ้เด็กนี่มานานแสนนานแล้ว!”
คำพูดนี้ของนิคุนทำให้ทุกผู้คนหันมาสนใจทันที
“ผู้อาวุโสนิ ท่านมีทาง?”
นิคุนยิ้ม “หมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ หรือพวกท่านจะลืมมันไปหมดแล้ว?”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยินพวกเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยทันที
ผู้อาวุโสหลี่นั้นหัวเราะลั่น “เยี่ยมยอด ผู้อาวุโสนิ! ช่างเยี่ยมยอดจริงๆ!”
…
เย่หยวนนั้นย่อมไม่รู้เลยว่าเหล่าผู้อาวุโสกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากฟังบรรยายแล้วเขาก็เดินออกมารับภารกิจ
ในวิหารนักบวชนี้ หากอยากได้แต้มความดีพวกเขาทั้งหลายย่อมต้องรับภารกิจในการหลอมโอสถ
ในภารกิจการหลอมโอสถเดียวกัน ผู้ที่สามารถหลอมได้คุณภาพสูงกว่าจะได้แต้มความดีที่มากกว่าตามไปด้วย
ครึ่งปีมานี้ เย่หยวนมักจะมาเพื่อรับภารกิจหลอมโอสถเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้เขาคุ้นชินกับการหลอมโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไม่น้อย
แต่การหลอมโอสถของเย่หยวนนั้นมันแตกต่างจากนักบวชคนอื่นๆ
สำหรับนักบวชคนอื่นๆ แล้วพวกเขาจะไม่หันมาสนใจพวกภารกิจความยากต่ำๆ เลย แต่เย่หยวนกลับใช้เวลากว่าครึ่งปีมานี้ทำเพียงแค่ภารกิจความยากระดับต่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...