เมื่อเกมเริ่มขึ้น ทุกสิ่งอย่างภายในมันก็จะถูกปกปิด
กระดานเกมจะส่องแสงจ้า ส่องภาพขึ้นไปบนฟ้ากว้างเป็นภาพของกระดานอันใหญ่ยักษ์
และพร้อมๆ กันนั้นมันก็จะมีภาพของสองยักษ์ใหญ่กำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันบนท้องฟ้าเป็นภาพที่แสนน่าอัศจรรย์
ตอนนี้เกมได้เริ่มไปนานมากแล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่มีใครขยับใดๆ
ฉีหยูขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันจึงยังไม่เริ่มอีก?”
นิคุนบอกด้วยหน้าตาได้ใจ “ไอ้เด็กคนนั้นมันคงไม่สามารถจะทานทนจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ใช่ไหม? ดูท่ามันจะมีพรสวรรค์มหาศาลแต่จิตใจอ่อนแอ!”
สิ่งที่เจ้า ‘อย่าถาม’ นี้ทดสอบมันคือพลังจิตใจของนักบวชที่เข้าทดสอบ
ยิ่งคนผู้นั้นมีจิตใจใฝ่หาความรู้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งก้าวไปได้ไกลกว่าเก่า
ตอนนี้เย่หยวนกลับไม่สามารถจะก้าวไปได้แม้แต่ก้าว มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าพลังจิตของเขานั้นอ่อนแอและไม่สามารถทนทานจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้เลย
ในฝูงชนที่มองดูอยู่ ซิ่วกำลังมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วที่ขมวดจนติดกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กคนนี้กัน? หรือว่ามันจะไม่สามารถทนจิตแรกของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้เลย? หรือว่าข้า… จะมองเขาผิดไป?”
ดูแล้วเขาก็กำลังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมากเช่นกัน
แต่คงหยุนกลับหัวเราะลั่นออกมา “ไอ้เด็กคนนี้มันคงไม่ได้โดนจิตของท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทำลายไปแล้วหรอกใช่ไหม? อัจฉริยะ? น่าขันสิ้นดี!”
ฉีเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มตอบขึ้น “หากมันถูกบดทับไปจริงๆ มันคงได้กลายเป็นเรื่องตลกที่สุดในเผ่าอสูรเราแน่! อัจฉริยะที่ไม่มีปัญญาจะทนทานจิตแรกได้ มันคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดและคาดว่าจะเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม?”
ที่ด้านนอกคนทั้งหลายกำลังรุมว่าความโชคร้ายนี้อยู่
แต่ด้านใน ‘อย่าถาม’ นั้นเย่หยวนกลับมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ พร้อมปะทะกับภาพร่างอันยิ่งใหญ่นี้
“หากไม่ยอมเป็นหมากให้ผู้คน คนผู้นั้นก็ต้องมีพลังฝีมือที่พร้อมจะทำลายทุกชีวิต! เจ้ายังไม่เก่งพอ! หากเจ้าคิดที่จะรับมันไว้อย่างนั้น ก็จงรับความพิโรธของข้าผู้นี้เสีย!”
เมื่อเสียงของร่างยักษ์นั้นจางหายไป มันก็มีพลังที่ราวกับโลกจะถล่มลงตรงหน้าปล่อยออกมา
พลังจิตที่แสนรุนแรงพุ่งเข้ามาหาเย่หยวนในทันที
คลื่นพลังจิตอันรุนแรงนี้มันถล่มลงมาราวกับฟ้าดินจะพังทลาย ทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางทางมัน
ตอนนั้นไข่มุกสยบวิญญาณก็ค่อยๆ ปล่อยพลังบางๆ ออกมาคลุมจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนไว้
แม้ว่าพลังจิตนี้มันจะรุนแรงแค่ไหนมันก็ยังไม่ใช่ ‘อย่าถาม’ ของจริง
ด้วยพลังของหวู่เฉินในตอนนี้ เขาสามารถที่จะตั้งรับพลังระดับนี้ได้ไม่ยาก
แต่กลับเป็นเย่หยวนที่กล่าวออกมา “ผู้อาวุโสท่านไม่ต้องลงมือหรอก! ในเรื่องความแน่วแน่ของจิตแล้วข้าเย่หยวนไม่มีทางพ่ายแพ้แก่ใครแน่! ต่อให้เป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ตาม!”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาไข่มุกสยบวิญญาณก็ดึงพลังกลับไปในทันทีทันใด
พลังจิตนี้ที่เรียกได้ว่าสามารถถล่มภูเขาทำลายแม่น้ำ พุ่งตรงลงมายังจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนอย่างรุนแรง
ฟุบ!
เย่หยวนรู้สึกว่าสติของตัวเองเลื่อนลอยไปชั่ววินาที ร่างของเขารู้สึกราวกับถูกฟ้าฝ่าลงกลางหัวจนต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“คุกเข่า!” เสียงสนั่นลงมาถึงจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน
แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับยังอยู่แน่วแน่เหมือนหินที่ตั้งขวางน้ำตก ไม่ว่าพลังจิตนี้มันจะรุนแรงแค่ไหนเขาก็ยังยืนนิ่งอย่างไม่คิดจะไหวติง
“หึ ข้าเย่หยวน แม้แต่สวรรค์ข้าก็ไม่คิดจะคุกเข่าให้ ทำไมต้องมาคุกเข่าให้เจ้าด้วย? หากแค่เสี้ยววิญญาณของเจ้าข้ายังไม่มีปัญญาต้านทานข้าจะไปช่วยเหลือผู้ที่เป็นที่รักของข้าได้อย่างไร?!”
เย่หยวนกัดฟันแน่น คลื่นพลังจิตอันแสนดื้อด้านพุ่งขึ้นสูงทะลุฟ้า!
จากนั้นพลังในร่างของเย่หยวนก็ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถที่จะเริ่มต่อต้านจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ในที่สุด
นี่คือการปะทะกันของจิต!
เย่หยวนมายังมหาพิภพถงเทียนนี้ก็เพื่อที่จะช่วยมู่หลินเสวีย
เพื่อการนี้แล้วเขาจึงต้องเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาแห่งถงเทียน และต้องมีพลังที่เหนือล้ำไร้ผู้ต่อต้าน
ชีวิตที่ใช้มาถึงครั้งที่สอง เดินทางบนเส้นทางแสนลำบากมากมาย เย่หยวนย่อมไม่คิดที่จะพึ่งพาเต๋าบรรพกาลคนใด
เย่หยวนเข้าใจดีว่าคนที่จะช่วยมู่หลินเสวียได้จริงๆ แล้วมันมีแค่ตัวเขาเท่านั้น!
เพราะฉะนั้นเขาจะแพ้พ่ายต่อใครไม่ได้อีก!
คนที่อยู่ต่ำกว่าเต๋าบรรพกาลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...