ร่างนี้มันต่างจากเงาร่างของโอสถบรรพกาลที่มืดมัวไม่ชัดเจน ร่างของเย่หยวนในตอนนี้มันชัดเจนและมั่นคงแน่นอนมาก
แค่มองผ่านๆ ก็แยกออกได้ทันทีว่านี่คือเย่หยวน!
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคนที่ขึ้นมาเล่นกับโอสถบรรพกาลจึงได้กลายเป็นเย่หยวน?”
“เจ้าล้อข้าเล่นเรอะ? เย่หยวนกลับสามารถขึ้นมาแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและเล่นกับโอสถบรรพกาลได้หรือ?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าใครจะขึ้นมาแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ ด้านในมันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกัน?”
…
ตอนนี้ทั้งวิหารนักบวชนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและโอสถบรรพกาลนั้นเล่นเกมนี้มากว่าห้าสิบล้านปี ในประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้มียอดอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนที่คิดเข้ามาท้าทาย ‘อย่าถาม’ นี้
แต่คนที่ผ่านไปได้นั้นกลับมีจำนวนแค่สิบเอ็ดคนเท่านั้น
แต่มันก็ยังไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะมีคนขึ้นไปนั่งแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและเล่นกับโอสถบรรพกาลเช่นนี้
เรื่องแบบนี้ ต่อให้พูดออกไปก็คงไม่มีใครจะเชื่อ
แต่วันนี้เรื่องราวที่สุดน่าเหลือเชื่อนี้มันกลับเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาทั้งหลาย
เรื่องเช่นนี้มีหรือที่ผู้คนจะยังใจเย็นได้?
แต่ว่ามันยังไม่จบแค่นั้น!
อีกด้านหนึ่งคลื่นพลังของโอสถบรรพกาลนั้นพุ่งขึ้นสูงทะลุฟ้า พลังแห่งยอดเต๋าแพร่กระจายไปจนทั่วฟ้าดิน
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้หน้าถอดสีไม่ได้
ซิ่วมองดูภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตกใจ “นี่มัน… เมื่อไม่มีการกดทับจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแล้วโอสถบรรพกาลจึงปล่อยพลังออกมาได้เต็มที่! นี่เป็นศึกตัดสินระหว่างเย่หยวนและโอสถบรรพกาลอย่างแท้จริง! เจ้าเด็กคนนี้มันทำไปได้อย่างไรกัน?”
ซิ่วนั้นย่อมรู้ดีว่านี่คือ ‘อย่าถาม’ ฉบับง่าย
พลังความรู้ของโอสถบรรพกาลนั้นมันน้อยกว่าหนึ่งในร้อยจาก ‘อย่าถาม’ ของจริง!
แต่ถึงจะแค่หนึ่งในร้อย มันก็มากเกินกว่าที่คนธรรมดาทั่วๆ ไปจะจินตนาการได้แล้ว
ไม่เช่นนั้นคนที่ผ่านการทดสอบนี้ในช่วงเวลากว่าห้าสิบล้านปีมันคงไม่ได้มีแค่สิบเอ็ดคนแน่ๆ
แต่ว่าการทดสอบที่ผ่านๆ มานั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะปล่อยพลังออกมากดเสี้ยวความรู้ของโอสถบรรพกาลไว้ไม่ให้ปล่อยพลังอันเหนือล้ำของเขาออกมาได้
อย่างที่เย่หยวนว่าไปหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ กระดานนี้มันเป็นกระดานที่ชนะแน่นอน
ปัญหาเดียวที่ผู้ท้าทายต้องเจอก็คือพวกเขาจะสามารถทนรับจิตที่กดทับลงมาได้หรือไม่
แต่เมื่อพลังที่กดดันโอสถบรรพกาลได้หายไปจนสิ้นแล้ว ตอนนี้พลังที่ออกมามันจึงเป็นพลังของโอสถบรรพกาลอย่างแท้จริง!
แม้ว่ามันจะเป็นแค่เศษเสี้ยวจากพลังของโอสถบรรพกาลตัวจริงก็ตาม
ทุกคนไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องที่ว่าเย่หยวนขึ้นไปแทนที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาไม่มีทางทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“หรือว่าเย่หยวนจะทำลายเสี้ยวจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล?”
นิคุนเผลอพูดความคิดออกมาแต่ก็ต้องรีบลุกขึ้นปฏิเสธความคิดนี้ของตัวเองทันที
เพราะเรื่องเช่นนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้!
ตอนนั้นเขาเองก็ได้เข้าไปพบเจอกับพลังเสี้ยวจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมากับตัว
พลังเช่นนั้นมันทำให้ผู้คนได้แต่ยอมแพ้โดยที่ไม่สามารถขัดขืนใดๆ ได้เลย
หากจิตของเขานั้นเป็นมด จิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็คงเปรียบได้ดั่งขุนเขา!
ระหว่างจิตของทั้งสองนั้นมันไม่มีการต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น
มันมีแต่ความยอมแพ้!
แถมตอนนี้พลังบ่มเพาะของเย่หยวนยังอ่อนด้อยกว่าตัวเขาในตอนนั้น มีหรือที่เย่หยวนจะสามารถทำลายเสี้ยวจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลลงได้?
แต่ในใจของนิคุนกลับมีเสียงค้านอีกเสียงดังออกมาอย่างไม่ขาดสาย
…
ภายในกระดานเกมนั้นตรงข้ามของเย่หยวนราวกับมีหอคอยสูงนับแสนๆ เมตรตั้งตระหง่านอยู่
แถมคลื่นพลังที่อีกฝ่ายมีมันยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก!
“น่าสนใจ ไม่นึกเลยว่าในโลกนี้จะยังมีคนที่สามารถปลดปล่อยเสี้ยวความรู้ของข้าคนนี้ที่ถูกเจ้ายี่กดทับให้เป็นอิสระได้! เจ้าคงเป็นคนแรกในรอบห้าสิบล้านปีล่ะมั้ง?”
เหนือท้องฟ้านั้นดวงตาคู่สีดำสนิทจ้องมองมายังเย่หยวน
นั่นคือดวงตาที่มองดูโลกทั้งใบ!
ต่อให้นี่จะเป็นแค่เสี้ยวความรู้ที่ไม่นับว่าเป็นเสี้ยวจิตเสียด้วยซ้ำ
แต่ดวงตาที่เหมือนจ้องมองดูมดปลวกนั้นมันย่อมทำให้เย่หยวนรู้สึกไม่ดีขึ้นมา
เย่หยวนตอบกลับไป “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าความรู้ด้านการโอสถของโอสถบรรพกาลนั้นเหนือล้ำฟ้าดิน วันนี้เย่ผู้นี้ขอคำแนะนำด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...