หากปล่อยให้คนภายนอกได้ยิน มันคงทำให้พวกเขาใจสั่นจนทำอะไรไม่ถูก
เพียงแค่ว่าตอนนี้เย่หยวนผิดหวังมากจริงๆ
ตั้งแต่ที่เขาได้รู้มาจากหวู่เฉินว่ามหาพิภพถงเทียนมันมียอดนักหลอมโอสถนามโอสถบรรพกาล เย่หยวนก็คิดที่อยากจะประลองกับเขาดูสักครั้งมานานแสนนาน
แต่การต่อสู้ในวันนี้มันไร้ซึ่งความสนุกใดๆ
เพราะแค่การวางหมากตาแรกมันก็กำหนดผลหมากกระดานนี้ไปแล้ว
นี่มันเป็นการปะทะของผู้ที่ไม่เท่าเทียม
แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพราะว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาหาใช่โอสถบรรพกาลตัวจริงไม่ เพราะว่าพลังของโอสถบรรพกาลการใน ‘อย่าถาม’ ฉบับง่ายนี้มันอ่อนแอจนเกินไป
‘อย่าถาม’ ของจริงนั้นมันคงเป็นอะไรที่เย่หยวนในตอนนี้ไม่สามารถรับมือได้แน่
ถ้าเขาได้ลองเล่นเขาคงถูกลบหายไปตั้งแต่เริ่มเกม
แม้ว่าโอสถบรรพกาลตรงหน้าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าความรู้ของเย่หยวนมันก็ยังไม่มากพอที่จะเก็บมาใส่ใจ
เพราะยังไงเสียเย่หยวนก็เป็นคนที่สำเร็จยันต์แปดทิศยอดเต๋า ความเข้าใจในเต๋าของเขานั้นมันเหนือล้ำกว่าที่นักหลอมโอสถทั่วๆ ไปจะมาเปรียบเทียบได้
เข้ามาด้วยความหวังสูงส่ง แต่กลับพบว่าศัตรูนั้นอ่อนแอเกินไป เย่หยวนย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา
“เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างโอหัง! ข้านั้นเป็นแค่เสี้ยวความรู้ของร่างจริงที่ถูกทิ้งไว้ใน ‘อย่าถาม’ พลังของตัวจริงข้านั้นเป็นสิ่งที่เจ้าไม่มีทางคาดเดาได้เลย” โอสถบรรพกาลบอก
เย่หยวนยิ้มตอบ “ข้าย่อมรู้ดี ข้ายังไม่ได้อวดดีจนถึงขั้นคิดจะไปชนะโอสถบรรพกาลตัวจริงท่านหรอก เพียงแค่วันข้างหน้าข้าอยากจะลองเล่นกับเขาดูสักเกม”
โอสถบรรพกาลบอก “ช่างเป็นเจ้าหนุ่มที่โอหังไม่รู้ที่ต่ำที่สูงจริงๆ! พลังของร่างจริงข้านั้นมันเหนือล้ำกว่าสิ่งใดๆ ต่อให้เป็นเจ้ายี่มันก็ไม่สามารถเทียบเคียงข้าได้ ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่จะก้าวข้ามตัวจริงของข้าไปได้หรอก”
โอสถบรรพกาลที่ตรงหน้าเขานั้นเป็นได้แค่เสี้ยวความรู้ที่ไม่นับว่าเป็นร่างจำแลงเสียด้วยซ้ำ
แต่ความมั่นใจในตัวจริงของอีกฝ่ายนั้นมันช่างเหนือล้ำกว่าใครๆ
ในจิตใจของเขา โอสถบรรพกาลคือตัวตนที่อยู่สูงเหนือโลกหล้า เป็นตัวตนที่จะไม่มีทางถูกใครมาแทนที่ได้แน่ๆ
และนั่นก็คงเป็นความคิดที่ร่างจริงมีเช่นกัน
เย่หยวนได้แต่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “ยอดคนนั้นเกิดใหม่ขึ้นทุกยุคสมัย! ความคิดของท่านนี้มันช่างน่าขัน! โอสถบรรพกาลเองก็เป็นแค่ชื่อตำแหน่ง หาใช่เต๋าบรรพกาลที่แท้จริงไม่”
โอสถบรรพกาลนั้นมีท่าทางไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยิน “เจ้าหนุ่ม เจ้ากล้ากล่าวว่าร่างจริงข้าเรอะ! อภัยให้ไม่ได้!”
เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้าแค่พูดตามความจริง เดินหมากท่านเถอะ!”
โอสถบรรพกาลหัวเราะออกมา “เด็กไม่รู้ที่ต่ำที่สูง โอสถบรรพกาลผู้นี้ไม่ยอมเชื่อหรอกว่าจะต้องมาแพ้เจ้า!”
ตุบ!
หลังจากบ่นมานาน ในที่สุดโอสถบรรพกาลก็เริ่มวางหมากอีกครั้ง
เมื่อเกมเริ่มดำเนินไป มันก็ต้องมีการตัดสินแพ้ชนะ นี่คือกฎที่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลวางไว้
เย่หยวนใช้จิตของตัวเองเข้าคุมเกมกระดานนี้ไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาควบคุมเรื่องราวภายนอกเกมได้
เพราะยังไงเสีย ‘อย่าถาม’ กระดานนี้มันก็ถูกสร้างโดยมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล
ตุบ!
เย่หยวนเองก็วางหมากต่อไปอย่างไม่คิด
เช่นนี่ คนทั้งสองก็เริ่มเกมกระดานนี้ต่อไป
เพียงแค่ว่าตอนนี้สถานการณ์มันได้พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ
การรุกของเย่หยวนนั้นหนักแน่นราวขุนเขาและรุนแรงราวแม่น้ำ โอสถบรรพกาลนั้นไม่มีทางที่จะตั้งรับไว้ได้เลย
…
“กินทีละแถวใหญ่! พระเจ้าช่วย!”
“นี่มัน… จะไม่คิดเหลือหมากให้อีกฝ่ายเลยหรือ? เย่หยวนคนนี้จะโหดร้ายเกินไปแล้ว”
“น่ากลัว! ข้าเคยได้ยินมาก่อนนะว่าผู้ที่ชนะ ‘อย่าถาม’ นี้มาได้ล้วนแล้วแต่แค่ชนะโอสถบรรพกาลมาอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด แต่เย่หยวนคนนี้…”
ที่ด้านนอกคนทั้งหลายต่างแสดงความตื่นตกใจออกมา
เพราะยิ่งเย่หยวนโจมตีหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สังหารกินหมากสีขาวไปจนพวกมันต้องถอดหมวกโยนเกราะทิ้ง เสียกำลังไปอย่างมาก
ทั้งผู้อาวุโส นักบวช นักบวชฝึกหัดต่างตกตะลึง
ตอนแรกพวกเขาทั้งหลายนั้นต่างต่อว่าการเดินตาแรกของเย่หยวนว่าอ่อนหัด ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าตาเดินที่อ่อนหัดนนั้นมันจะเป็นตัวทำให้เกมพลิกกลับมาได้ถึงขนาดนี้
ลานกว้างเงียบกริบไร้เสียงใดๆ มีเพียงตัวหมากที่ยังคงวางลงกระดานต่อไปอย่างไม่หยุดพัก
เคร้ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...