จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1769

ตอนที่ 1769 ข่าวของอิ้งหมัวหู่
หลังได้รับมรดกความรู้สืบทอดมาจากมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ความเข้าใจในศาสตร์โอสถอสูรของเย่หยวนก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด

มรดกนี้มันช่างมีค่ากับเย่หยวนเสียเหลือเกิน

หลังจากผ่านไปได้หลายปี ในที่สุดความรู้ของเย่หยวนในโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึงจุดสุดยอด

ขณะเดียวกันความรู้โดยรวมในเส้นทางศาสตร์โอสถของเขาก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

ในช่วงเวลานี้ทางวิหารจะหาสมุนไพรระดับแปดระดับก้าวมาให้ และเย่หยวนจะจัดการหลอมพวกมันขึ้นเป็นโอสถ

ยิ่งไปกว่านั้นคือโอสถที่เขาหลอมปรุงขึ้นมามันจะมีคุณภาพขั้นเทวะขึ้นไปทั้งสิ้น

ทางผู้ใหญ่ของวิหารนักบวชนั้นตื่นตะลึงกับเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะตัวดี๋เชียวที่ตอนนั้นเขาไม่เชื่อในตัวเย่หยวนว่าเย่หยวนจะสามารถใช้เวลาแค่สามร้อยปีทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันได้

แต่ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าตัวเขานั้นคิดผิดไปแค่ไหน

วันนี้ดี๋เชียวจึงมาหาเย่หยวนเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว

“ฮ่าๆ เย่หยวน เจ้าวิหารคนนี้อยากจะมาขอโทษเจ้าเรื่องในวันนั้น! เจ้านั้นทำได้ตามสัญญาอย่างดี ดูสภาพตอนนี้แล้วเป็นวิหารเราจริงๆ ที่ได้รับประโยชน์จากเจ้าอย่างมหาศาล” ดี๋เชียวหัวเราะลั่น

ดี๋เชียวนั้นมีนิสัยที่ตรงไปตรงมา ผิดก็ว่ายอมรับผิด ไม่คิดที่จะลังเลใดๆ ทั้งสิ้น

การที่คนระดับนี้จะมีนิสัยเช่นนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

แม้ว่าวันนี้เขาถึงขั้นคิดจะสังหารเย่หยวน แต่เย่หยวนก็พอเข้าใจความคิดของดี๋เชียวในวันนั้นได้

เพราะยังไงเสียเขาก็เป็นผู้มีสายเลือดมนุษย์

กับนักหลอมโอสถที่ไม่เคยแตะต้องโอสถอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว เวลาแค่สามร้อยปีมันช่างสั้นเสียเหลือเกิน

เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงยิ้มตอบ “ท่านเจ้าวิหารอย่าได้ทำเช่นนี้เลย เย่ผู้นี้รู้ดีว่าคำขอของตนในวันนั้นมันฟังดูไร้เหตุผลเพียงใด”

ดี๋เชียวยิ้มกว้าง “เป็นเด็กที่เยี่ยมจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้วล่ะว่าเจ้านั้นไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย! มีแค้นร้อยต้องตอบแทนพัน จริงๆ ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะได้เรื่องเกี่ยวกับที่เจ้าไหว้วานไว้ด้วย”

คำพูดนี้ทำให้ร่างของเย่หยวนสั่นสะท้าน “เขา… เขาปลอดภัยหรือไม่?”

แต่ดี๋เชียวกลับขมวดคิ้วแน่นทำให้หัวใจของเย่หยวนแทบจะหยุดเต้น

“ปลอดภัยหรือไม่นั้นข้าเองก็ไม่ทราบแน่ แต่… เรื่องราวมันดูจะเลวร้ายกับเขามากกว่าจะดี” ดี๋เชียวบอก

นั่นทำให้เย่หยวนหน้าซีดเผือดลง ดี๋เชียวไม่คิดจะปล่อยให้เขารอคอยใดๆ ค่อยเล่าเรื่องราวที่รับรู้ทั้งหมดออกมา

แม้ว่าการค้นหาคนในดินแดนอันแสนกว้างใหญ่เช่นนี้มันจะเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่แม้ในอาณาจักรเทพอสูรเองเผ่าพยัคฆ์ขาวมันก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่หาได้ยากยิ่ง

วิหารนักบวชนั้นสมควรได้รับชื่อว่าเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในเผ่าอสูรจริงๆ เพราะหลังจากได้รับคำของเย่หยวนมา พวกเขาก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่ปีในการตามสืบข่าวจนเจอได้ในที่สุด

ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้อิ้งหมัวหู่จะได้ไปอยู่ที่เมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใส

เมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสนั้นเรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมเผ่าอสูรสายเลือดเสือ มันมีตระกูลเสือพยัคฆ์มากมายไปรวมตัวกันอยู่ยังเมืองแห่งนั้น

และสายเลือดตระกูลพยัคฆ์ขาว แม้แต่ในมหาพิภพถงเทียนนี้มันก็ยังนับได้ว่าเป็นสายเลือดชั้นสูง

เพราะฉะนั้นแม้จะขึ้นมาบนมหาพิภพถงเทียนแล้ว จริงๆ ความเร็วในการฝึกฝนบ่มเพาะของอิ้งหมัวหู่เองก็ไม่ได้ช้าเชื่องเลย

เพียงแค่ว่าหากเอาไปเทียบกับเย่หยวนแล้วมันยังห่างชั้นกันมาก

หลังจากมาถึงดินแดนอสูร มาถึงเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสเขาก็ใช้พลังแห่งสายเลือดออกมาได้เต็มที่และสามารถกลายเป็นยอดอัจฉริยะหนุ่มของเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสได้ในที่สุด

แต่ว่าเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสนั้นมันต่างจากเมืองจักรพรรดิต้นทรราช

เทือกเขาเทพอสูรใกล้เมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสนั้นมันมีกลุ่มกองกำลังที่แข็งแกร่งอยู่ และทั้งสองฝ่ายก็มักจะเกิดการปะทะกันขึ้นเสมอๆ

ไม่นานมานี้ เมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสและกลุ่มกองกำลังนั้นได้มีการปะทะกันอีกรอบ

และอิ้งหมัวหู่ก็เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนั้นด้วย

อิ้งหมัวหู่จับคู่กับยอดอัจฉริยะอีกคนของเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสและทำร้ายผู้นำของอีกฝ่ายจนบาดเจ็บสาหัสปางตาย

แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าผู้ที่ถูกทำร้ายปางตายนั้นจะกลับกลายเป็นลูกชายของผู้นำกลุ่มกำลังนั้น ราชันพยัคฆ์สวรรค์

เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นมันจึงเหมือนมีคนไปแหย่รังแตน

ราชันพยัคฆ์สวรรค์นั้นโกรธแค้นและส่งกองกำลังสัตว์อสูรจำนวนมากในการควบคุมออกมาล้อมรอบเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสในระดับที่มดตัวเดียวก็ไม่ให้ผ่านเข้าออก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ