เย่หยวนหรี่ตาลงทันที สายตาที่เขาใช้จ้องมองชายชุดเทานั้นแสนจะเย็นชา
ชายชุดเทาเองก็เปลี่ยนสีหน้าไปเมื่อเห็นเช่นนั้น? “ทำไมเล่า? หากเจ้ากล้าสังหารข้าเจ้าคงไม่มีทางออกจากเขตแดนตัดขาดนี้ไปได้แน่! ข้าสีกงซิ่วเป็นศิษย์หลักของนิกายคุมวิญญาณ! หากเจ้ากล้าสังหารข้านิกายคุมวิญญาณคงไม่ปล่อยเจ้าให้มีชีวิตรอดต่อไปแน่!”
ตอนนั้นเองที่ชายชุดเทาหมดหวังที่จะต่อรองและคิดใช้แผนการข่มขู่เย่หยวนแทน
เย่หยวนบอก “ใครสนกันว่าเจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้ามาลบหลู่น้องชายข้า ผลลัพธ์ของมันนั้นมีแค่ความตาย!”
ระหว่างพูดไปเย่หยวนก็คิดและเรียกให้เจ้าผีร้ายปรากฏร่างออกมาอีกครั้ง
ความเย็นเยือกที่ทิ่มแทงกระดูกผู้แผ่กระจายทำให้พื้นที่รอบๆ ค่อยๆ เย็นลงจงเกือบถึงจุดเยือกแข็ง
“เจ้าหนู เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเราจะเป็นได้แค่แกะนั่งรอให้เชือด? นิกายคุมวิญญาณของเราเก่งกาจกว่าที่เจ้าจะคิดถึงมากนัก!”
สีกงซิ่วหัวเราะลั่นพร้อมปล่อยพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมา
เมื่อเหล่าศิษย์คนอื่นๆ เห็นเช่นนั้นพวกเขาก็ทำหน้าเหยเกออกมาในทันที
“พี่ใหญ่สีกง เราจะใช้วิชานั้นกันจริงๆ หรือ?”
“ใช่แล้วพี่ใหญ่สีกง หากใช้วิชานั้นพลังบ่มเพาะเราคงต้องถดถอยไปมากแน่!”
ดูท่าแล้วผลกระทบจากวิชานี้มันจะรุนแรงไม่น้อย ไม่เช่นนั้นสีกงซิ่วก็คงไม่รอให้ถึงตอนนี้ถึงค่อยคิดใช้ออกมา
สีกงซิ่วหัวเราะ “หากพลังบ่มเพาะหายไปก็ปล่อยมันหายไป ทีหลังย่อมสามารถบ่มเพาะขึ้นมาใหม่ได้ แต่หากเจ้าเสียชีวิตไปวันนี้เจ้ายังจะกลับมามีชีวิตได้อีกไหม? ถึงเวลานี้เรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”
มันไม่ใช่ว่าคนที่เหลือไม่เข้าใจจุดนี้ เพียงแค่ว่าการบ่มเพาะของพวกเขานั้นต้องใช้เวลาอย่างมาก หากมันตกลงไปแล้วพวกเขาไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่กว่าจะกลับมายืนยังจุดเดิมได้
เรื่องนี้มันต้องใช้ความกล้าอย่างมหาศาลในการลงมือ
แต่สภาพในตอนนี้มันย่อมไม่มีทางเลือกอื่นให้พวกเขาทั้งหลายแล้ว
กลุ่มคนจากนิกายคุมวิญญาณปล่อยพลังวิญญาณออกมาพร้อมๆ กัน พลังวิญญาณเหล่านั้นจึงค่อยๆ ไหลมารวมกันในจุดเดียวอย่างพร้อมเพรียง
เย่หยวนมองดูที่ภาพตรงหน้าและสั่งออกมา “สังหาร!”
เจ้าผีร้ายส่งเสียงร้องแสบแก้วหูและพุ่งตัวเข้าไปหาเหล่าศิษย์นิกายคุมวิญญาณทันที
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสีกงซิ่ว “มีหรือที่วิชาของนิกายคุมวิญญาณเรามันจะเป็นสิ่งที่เจ้าคาดเดาได้? แค่ผีวิญญาณร้ายตัวเดียวเจ้าคิดว่ามันจะสังหารเราได้จริง? โอ้ ผู้พิทักษ์แห่งนิกายคุมวิญญาณเรา ศิษย์แห่งนิกายนามสีกงซิ่วขอมอบพลังวิญญาณเหล่านี้และปราณเทวะของเราเพื่อเป็นเครื่องอัญเชิญแก่สัตว์เทวะ!”
เหล่าศิษย์คนอื่นๆ เองก็ว่าออกมาพร้อมๆ กัน
เมื่อพลังวิญญาณเหล่านั้นจากหายไปมันก็เกิดเรื่องราวสุดประหลาดขึ้นมา
เพราะตอนนี้มีกรงเล็บขนาดใหญ่กำลังแหวกฝ่าช่องว่างในอากาศออกมา!
กรงเล็บนี้มันแฝงไปด้วยพลังสุดแข็งแกร่ง หากให้เทียบแล้วมันแข็งแกร่งกว่าเจ้าผีร้ายเสียอีก!
ตู้ม!
ยอดฝีมือระดับห้าสองตัวตนเข้าปะทะกันอย่างแรง
แต่เจ้ากรงเล็บนั้นมันกลับแข็งแกร่งมากกว่าระดับหนึ่งและส่งร่างของเจ้าผีร้ายระดับห้าลอยลิ่วกลับมาไกล
นั่นทำให้ผีร้ายสูญเสียพลังงานไปอย่างมาก
จากนั้นก็มีร่างของสัตว์ตัวหนึ่งในเกล็ดสีเงินค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากช่องว่างนั้น
ร่างอันใหญ่โตนี้มันให้ความรู้สึกที่เหนือล้ำ
หนิงเทียนปิงหน้าถอดสีทันที “นี่มัน… เจ้าสัตว์ตนนี้คืออสูรเกล็ดเงินเขาเดียว! ช่างเป็นวิญญาณอสูรที่แข็งแกร่งนัก!”
คลื่นพลังจากร่างของพวกสีกงซิ่วนั้นอ่อนแอลงย่างเห็นได้ชัดหลังจากเจ้าสัตว์ตัวยักษ์นี้ปรากฏตัวออกมา
แต่สีกงซิ่วนั้นกลับหัวเราะร่าด้วยความยินดี “เจ้าหนู เจ้าบังคับข้าเองนะ! นี่คืออสูรเกล็ดเงินเขาเดียว เป็นสัตว์เทวะผู้พิทักษ์ประจำนิกายเรา เดิมทีเป็นถึงตัวตนระดับเจ็ด! ทีนี้ล่ะจงรับความพิโรธของเราไป!”
หู่ชิงนั้นตัวสั่นอย่างมากเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าวิญญาณของอสูรเกล็ดเงินเขาเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...