จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1787

สรุปบท ตอนที่ 1787 ใครช่วยใคร?: จอมเทพโอสถ

อ่านสรุป ตอนที่ 1787 ใครช่วยใคร? จาก จอมเทพโอสถ โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 1787 ใครช่วยใคร? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction จอมเทพโอสถ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 1787 ใครช่วยใคร?
ในความมืดมิดนั้นร่างเงาสีดำพุ่งโฉบออกมาถึงทั้งสองคนอย่างรวดเร็วในพริบตา

ไป่หลี่ชิงหยานรู้ดีว่านางนั้นไม่อาจจะหนีได้อีกต่อไปจึงคิดหันหน้าเข้าสู้มันแทน

“เจ้ารีบหนีไป! ข้าจะจัดการมันเอง!” ไป่หลี่ชิงหยานร้องตะโกนบอก

เย่หยวนไม่ได้คิดจะหนีและมองดูไปยังไป่หลี่ชิงหยานอย่างตื่นตกใจ

นางคนนี้กลับคิดจะสละตัวเองเพื่อช่วยคนอื่นอย่างนั้นหรือ?

ตอนนี้ด้วยความเกลียดชังที่ไป่หลี่ชิงหยานมีต่อเขา นางน่าจะทิ้งเขาให้ตายแทนและใช้เวลานั้นหนีไปไม่ใช่หรือ?

ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีพลังฝีมือที่ไม่น้อย ดาบเกี่ยวพันของนางฟาดฟันออกมาจนทั่วถ้ำ

แต่เมื่อต้องมาเจออสูรขนหนาหยกสามตาแล้วมันก็ยังนับได้ว่าอ่อนแอไปขั้นหนึ่ง

เมื่อต้องพบเจอกับการโจมตีที่รุนแรงของสัตว์อสูรตัวนี้ วิชาของไป่หลี่ชิงหยานก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมาในไม่ช้า

จู่ๆ เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาก็เปิดตาออกและส่องลำแสงอันน่าขนลุกขนพองออกมา

ไป่หลี่ชิงหยานหน้าซีดเผือดลงทันที ตอนนี้มันสายเกินกว่าที่จะหลบได้ทันแล้ว

ไอ้เจ้านั่นมันน่าจะหนีไปแล้วใช่ไหม? สมองของข้าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ทำไมข้าถึงต้องมาสละตัวช่วยมันด้วย? นั่นคือความคิดสุดท้ายในหัวของไป่หลี่ชิงหยานก่อนที่นางจะหมดสติไป

ปัง!

แสงลำนั้นพุ่งเข้ามาปะทะไป่หลี่ชิงหยานจนร่างของนางปลิวลอยออกมาไกล เมื่อตกลงมาถึงพื้นดินนางก็สิ้นสติไปแล้ว

“โฮ่ก!”

เมื่อชนะไป่หลี่ชิงหยานได้เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาก็ร้องลั่นออกมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อประกาศศักดาของตัวมัน

มันค่อยๆ เดินเข้ามาหาเย่หยวนอย่างช้าเชื่องด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรงจนสามารถบดขยี้ร่างของเย่หยวนได้

เย่หยวนไม่คิดสนใจและเดินไปดูอาการของไป่หลี่ชิงหยานก่อนจะอุ้มตัวนางขึ้นและเดินออกมานอกถ้ำ

“โฮ่ก!”

เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตานั้นไม่พอใจท่าทางนี้ของเย่หยวนอย่างมาก เพราะเจ้ามนุษย์ตัวจ้อยนี้ไม่สนใจตัวมันเลยสักนิด

มันยกกรงเล็บยักษ์ของตนขึ้นมาตบลงไปยังร่างของเย่หยวน

ในสายตาของมันแล้วเมื่อกรงเล็บนี้ฟาดลง เย่หยวนย่อมต้องถูกบดขยี้เป็นผุยผง

ตอนตอนนั้นเองกลับมีคลื่นพลังอันน่ากลัวหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างของเย่หยวน

คลื่นพลังนี้มันรุนแรงจนแม้แต่ตัวมันเองก็ยังตื่นตกใจ

ปัง!

เจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาถูกซัดจนลอยปลิวไป

ไป่หลี่ชิงหยานค่อยๆ ลืมตาคู่งามขึ้นมองดูภาพรอบกาย

“ข้า… ยังไม่ตาย?”

ไป่หลี่ชิงหยานมองดูรอบๆ และพบว่ามันไม่มีใคร แถมยังไม่มีเงาร่างของเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาด้วย

“ใครกันที่ช่วยข้าไว้? หรือว่า… จะมียอดฝีมือจากนิกายเงาจันทร์ผ่านทางมาพอดี? เอ๋… บาดแผลของข้าหายดีจนสิ้นแล้ว?” ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมึนงงสงสัยอย่างมาก

นางจำได้อย่างแม่นยำว่านางถูกอสูรขนหนาหยกสามตาทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่นางจะรอดมาได้ แต่บาดแผลต่างๆ กลับหายดีไปด้วย

“คนที่ช่วยก็ย่อมต้องเป็นข้าอยู่แล้ว! เจ้าคงไม่คิดว่ามันจะมีพระเอกที่ไหนขี่ม้าขาวมาช่วยหรอกใช่ไหม?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมๆ กับเย่หยวนที่เดินเข้ามาในถ้ำ

ไป่หลี่ชิงหยานนั้นนิ่งไปชั่วขณะ ไอ้เจ้าหมอนี่ไม่ได้หนีไป?

หรือหลังจากหนีไปแล้วมันย้อนกลับมา?

แน่นอนว่าเรื่องที่เย่หยวนพูดออกมานางย่อมไม่มีทางเชื่อ

“ด้วยแค่ตัวเจ้า? อสูรขนหนาหยกสามตานั้นมันสังหารเจ้าได้ด้วยกรงเล็บเดียว เจ้ายังจะกล้ามาบอกว่าตัวเองช่วยข้าไว้อีกหรือ?” ไป่หลี่ชิงหยานพูดด้วยความเหยียดหยาม

ไป่หลี่ชิงหยานรู้สึกสะท้านอยู่ในใจ ตอนที่พบเจอกับเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตานางคิดไปแล้วว่าชีวิตของตนเองคงจบลงเท่านี้

ใครจะไปรู้ว่าไม่นานจากนั้นนอกจากนางจะไม่ตายแล้ว นางยังจะสามารถบรรลุขึ้นไปได้สูงกว่าเก่า

ไป่หลี่ชิงหยานเก็บงำความรู้สึกนั้นไว้และเริ่มทำการหลอมดูดซับผลส้มหยกทันที

หลังผ่านไปได้หลายวัน ในที่สุดไป่หลี่ชิงหยานก็ลืมตาขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด

เมื่อหลอมดูดผลส้มหยกได้จนสำเร็จแล้ว ตอนนี้นางจึงสามารถขึ้นมาเป็นยอดราชันพระเจ้าเก้าดาวได้

หากตอนนี้นางต้องเจอกับจงฮันหลินอีก ไป่หลี่ชิงหยานก็มั่นใจมากว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้

“ชิๆ ช่างสมเป็นเด็กสาวอหังการสวรรค์ ผลที่ท่านได้จากการหลอมผลส้มหยกนั้นมันเหนือล้ำกว่าที่ข้าคาดเดาเสียอีก” เย่หยวนบอก

ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีพรสวรรค์ที่เทียบเคียงกับเล้งชิวหลิงได้จริงๆ

ในมิติอนัตตานี้นางคงเป็นยอดคนระดับหนึ่งแน่

ต่อให้เป็นพวกจงฮันหลินก็ไม่อาจเอามาเทียบเคียงกับไป่หลี่ชิงหยานได้

เพราะยังไงเสียคนพวกนั้นก็แก่กว่าไป่หลี่ชิงหยานมาก

ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมีท่าทางหยิ่งผยองและตอบกลับมา “เรื่องนั้นมันแน่นอน! ตำแหน่งในวิหารศักดิ์สิทธิ์กอไผ่นั้นต้องเป็นของข้า!”

เย่หยวนยิ้ม “เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาเราคงต้องเป็นคู่แข่งกันเสียแล้ว”

ไป่หลี่ชิงหยานมองดูเย่หยวนด้วยใบหน้าตื่นตกใจไม่น้อย “เจ้าเองก็คิดอยากเข้าร่วมชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่? ไม่ต้องมาเล่นมุกเลย แค่บรรลุอาณาจักรราชันพระเจ้าหกดาวมาได้เจ้าคิดว่าตัวเองจะเก่งเหนือฟ้าดินไร้ผู้ต้านทานหรือ?”

เย่หยวนยิ้มและส่ายหัวออกมา “พวกท่านทั้งหลายที่เรียกตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะนี่ชอบดูถูกคนอื่นกันหมดเลยหรือ? เวลามันยังเหลืออีกตั้งสองร้อยปีก่อนจะถึงชุมนุมการต่อสู้แห่งกอไผ่ ใครจะชนะใครมันยังไม่รู้แน่หรอก!”

แต่ไป่หลี่ชิงหยานกลับตอบออกมา “อีกสองร้อยปีอย่างมากเจ้าก็คงเป็นได้แค่ราชันพระเจ้าเก้าดาวเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะเก่งกาจมากพรสวรรค์แค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่เจ้าจะขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าว”

เย่หยวนหัวเราะออกมา “พูดตอนนี้ไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า มารอดูกันเอาเถอะ”

ไป่หลี่ชิงหยานเองก็ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงใดๆ และหันไปเปลี่ยนเรื่องคุยแทน “ตอนนี้มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วในเดือนนี้ แก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เรามีตอนนี้มันยังไม่นับว่ามากพอ ชักจะลำบากเสียแล้วสิ”

เย่หยวนยิ้มตอบ “เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวก็จะมีคนเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาส่งให้เราถึงที่เอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ