“ได้ยินมาสิ แล้วพวกเจ้าอยากจะไปหาตัวมันกันหรือ? ข้าได้ยินมาว่าใครที่ไปหามันล้วนแล้วแต่ถูกปล้นจนหมดตัวไม่เหลือแม้แต่กางเกงใส่กลับเลยนะ!”
“ไอหมอนี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว! ไม่นึกเลยว่าแท้จริงมันจะเก่งกาจขนาดนี้! แต่ไม่ว่ายังไงมันก็คงต่อสู้ข้ามขั้นไปได้อีกไม่นานนัก ข้าได้ยินว่าตอนนี้ต้วนชิงหงและจงฮันหลินก็เริ่มออกตามหาตัวมันกันแล้ว”
…
ไป่หลี่ชิงหยานนั้นมั่นใจในความเก่งกาจของตัวเองมากทำให้สถานที่ที่นางไปล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่เปี่ยมไปด้วยอันตราย ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่ได้ไปเจอสัตว์อสูรที่ทรงพลังอย่างเจ้าอสูรขนหนาหยกสามตาเข้า
สถานที่เช่นนั้นมันย่อมมีผู้เข้าสอบคนอื่นๆ เข้าไปน้อยมาก
เมื่อเย่หยวนแยกตัวจากไป่หลี่ชิงหยาน มันจึงเป็นการดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากรีบเข้ามาหาตัวเขากันในทันที
คนทั้งหลายต่างคิดว่าเขาอ่อนแอและจะมารังแกให้หายอิจฉา ใครจะไปคิดว่าแทนที่จะได้กินไก่ กลับเป็นตัวพวกเขาเองที่ถูกเย่หยวนปล้นกลับจนไม่เหลือแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ติดตัวแม้สักชิ้น
ตอนนี้ในพื้นที่เปิดโล่งหนึ่ง เย่หยวนกำลังถูกกลุ่มคนมากมายรายล้อมไว้
คนทั้งหลายนั้นมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่ง พวกเขานี้ต่างเป็นถึงราชันพระเจ้าไม่เจ็ดก็แปดดาวทั้งสิ้น
และในหมู่คนนั้นก็มีเจ่าเจาและเจ่าชูรวมอยู่ด้วย
“เย่หยวน ข้าอยากรู้เสียจริงว่าทีนี้เจ้าจะหนีไปที่ใด!” เจ่าชูบอกออกมาด้วยสีหน้าได้ใจหลังคิดว่าตัวเองต้นเย่หยวนจนมุมได้
เย่หยวนยิ้มตอบกลับมาอย่างเย็นเยือก “ข้าไปบอกตอนไหนว่าจะหนี? ข้าอยู่ตรงนี้รอพวกเจ้าเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มาส่งให้ต่างหากเล่า”
เจ่าเจาหัวเราะขึ้น “รอให้เราเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์มามอบให้? ไอ้เจ้าคางคกปากเก่ง มันช่างเป็นคำพูดที่แสนอวดดีนัก! เจ้าคงไม่คิดจะอ้างว่าตัวเองมาดักรอเพื่อปล้นชิงเอาแก้วอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราไปหรอกใช่ไหม?”
เย่หยวนพยักหน้า “ดูท่าพวกเจ้าก็ไม่ได้โง่นัก”
เมื่อได้ยินคำของเย่หยวนคนทั้งหลายต่างก็แทบหัวเราะออกมา
ไอ้เจ้าหมอนี่สมองมันเพี้ยนหรือ?
เจ่าเจาได้แต่ส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะไม่ขาดปาก “บรรลุขึ้นมาเป็นราชันพระเจ้าหกดาวแล้วเลยเก่งกล้าถึงขั้นนี้? เจ้าคงไม่คิดว่าการที่เจ้าบังเอิญชนะน้องสามข้าได้แล้วเจ้าจะมีปัญญามาชนะข้าด้วยหรอกนะ? ถ้าเจ้ายังคิดเช่นนั้นคงต้องบอกว่าอ่อนหัดนัก!”
เจ่าชูหัวเราะออกมาตามๆ กัน “ช่างเป็นไอ้โง่ไม่เจียมตัว! เจ้าลองคิดสิว่าทำไมฮันยองมันถึงกลัวพี่ใหญ่ข้านัก? มันเป็นเพราะพี่ข้าผสานแนวคิดแห่งน้ำและแนวคิดแห่งไฟได้ การผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันเช่นนี้มันคงหาศัตรูได้ยากแล้ว ที่สำคัญเรายังมีจำนวนมากมายแถมยังมีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเจ้า เจ้าจะต้องโง่เง่าแค่ไหนถึงได้มาอวดอ้างความเก่งกาจของตัวเองต่อหน้าพวกข้าเช่นนี้?”
เส้นสายของนิกายคชสารมารในนิกายเงาจันทร์นั้นมันแข็งแกร่งมาก ที่สำคัญพวกเขานั้นยังมีนิกายพันธมิตรอีกหลายพวก
คนเหล่านี้ทั้งหลายต่างล้วนเป็นยอดคนของฝั่งคชสารมาร
ในหมู่คนพวกนี้มีหลายคนทีเดียวที่เป็นถึงราชันพระเจ้าแปดดาว
เย่หยวนได้แต่ยักไหล่และกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “เรอะ? งั้นพวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันได้เลย ข้าขอดูฝีมือของพวกเจ้าหน่อย ข้าจะใช้แค่มือข้างเดียวเท่านั้น หวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังมากนะ”
พูดจบเย่หยวนก็ไขว้มือซ้ายไว้ด้านหลังทันทีด้วยท่าทางแสนหยิ่งผยอง
เหล่าศิษย์นิกายคชสารมารต่างมึนงงสงสัย เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วแน่!
แค่มือเดียวกลับคิดต่อสู้กับคนมากมายเช่นนี้?
ต่อให้เป็นพวกต้วนชิงหงทั้งสามก็ยังไม่กล้าจะอวดเก่งได้ขนาดนี้เลยใช่ไหม?
“ฮ่าๆๆ ยอดอัจฉริยะเย่หยวนคิดอยากเห็นพลังฝีมือของมือใหม่อย่างพวกเราล่ะ ทุกคนโปรดอย่าออมมือและจัดการดูแลเขาให้ดี เขานั้นเก่งกาจเราต้องไม่ทำให้เขาผิดหวัง!” เจ่าเจาตะโกนบอกด้วยเสียงหัวเราะ
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็หัวเราะออกมาตามๆ กัน
“ไอ้หมอนี่มันไม่ได้เก่งกาจมากมายแต่คำพูดของมันนั้นช่างยิ่งใหญ่ค้ำฟ้า!”
“นี่สินะที่เขาเรียกว่าศักดิ์ศรีท่วมหัวแต่ดันเอาตัวไม่รอด? ฮ่าๆ”
“ทุกคนอย่าได้ลงมือรุนแรง ไปนวดข้อต่อกระดูกให้มันหน่อยอย่าได้ปล่อยให้มันได้ตายง่ายนัก เช่นนั้นมันจะหมดสนุกกันพอดี”
…
เจ่าเจายกมือเป็นสัญญาณบอกให้เหล่าศิษย์นิกายคชสารมารพุ่งตัวเข้าหาเย่หยวนพร้อมๆ กันอย่างน่าเกรงกลัว
ฟุบ!
ฟุบ!
ฟุบ!
หลายต่อหลายร่างพุ่งมาถึงในเวลาเดียวกัน แสงเงาจากดาบของพวกเขานั้นล้อมเย่หยวนไว้ทุกทิศ
แต่ว่าเย่หยวนกลับยืนนิ่งราวผาชัน
จู่ๆ มือขวาของเย่หยวนก็ปล่อยงูวิญญาณออกมารัดร่างของศิษย์คนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาด้านหน้าไว้
แกรก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...